คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดกิจกรรม รำลึกสืบสาน "26 ปี พฤษภาประชาธรรม" ในโอกาสครบรอบเหตุการณ์ทางการเมือง พฤษภาคม 2535 เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2535 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนเคลื่อนไหวประท้วงรัฐบาล พลเอก สุจินดา คราประยูร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) หลังก่อการรัฐประหารรัฐบาล พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ เมื่อปี 2534 นำไปสู่เหตุการณ์ปราบปราม และปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชนผู้ชุมนุม มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
โดยนายโคทม อารียา ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม กล่าวรำลึกเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" และวางพวงมาลาสดุดีวีรชน พร้อมกับผู้แทนพรรคการเมือง และหน่วยงานรัฐ เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายวรชัย เหมะ ผู้แทนพรรคเพื่อไทย ผู้แทนรัฐสภา พลโท ธเนศ กัลปพฤกษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก และผู้แทนองค์กรประชาชน
นายโคทม กล่าวว่า ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้พยายามเยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ให้ เพื่อให้รับรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงบางครั้งอาจมีความเสียหายเกิดขึ้น และสังคมควรรำลึกถึงบทเรียนที่เคยขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงทางการเมืองนั้นอีก พร้อมยืนยันว่า มูลนิธิฯ จะเดินหน้าผลักดันการต่อสร้างสวนสันติพรให้เสร็จสิ้น เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังเรียนรู้ว่า สันติภาพ ความยุติธรรม คือตอบคำตอบของสังคมไทย
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวยกย่องการต่อสู้ของประชาชนว่า เป็นอีกตัวอย่างที่ประชาชนใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเรียกร้องเจตนารมณ์ของประชาชน แต่เหตุการณ์นั้นกลับนำมาซึ่งความสูญเสีย สังคมจึงควรเรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ และก้าวข้ามความขัดแย้ง ผลักดันให้มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นหน้าที่ของทุกฝ่าย รวมถึงพรรคการเมือง ที่จะต้องช่วยกันสานต่อการสร้างอนุสรณ์สถานให้สำเร็จ เพื่อให้สถานที่แห่งนี้ เป็นสถานที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์การเมืองไทย และช่วยกันทำให้ประเทศมีประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า
ขณะที่ นายวรชัย ย้ำจุดยืนของพรรคเพื่อไทยว่า มีอุดมการณ์และยืนหยัดในการเรียกร้องประชาธิปไตย พร้อมฝากผู้แทนของกองทัพบกที่มาร่วมงานในวันนี้ให้ดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ไม่อยากให้ ใช้กำลังทางทหารคนไทยด้วยกัน แต่อยากให้ใช้วิธีสันติพูดคุยกันด้วยเหตุผล พร้อมย้ำว่า คนไทยรักประชาธิปไตย การที่เค้าออกมาเรียกร้องก็เพื่อต้องการประชาธิปไตยให้กลับคืนมา ซึ่งตนเองและฝ่ายการเมืองทุกคนไม่ต้องการเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือน 26 ปีก่อน เพราะเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองทุกครั้งมักจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม