ไม่พบผลการค้นหา
'ชัชชาติ' หารือ​ บก.02​ หาทางออกปัญหารถติดเล็งนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นหลังพบว่ากล้อง​จราจรหลัก 100 จาก​ทั้งหมด 50,000 กล้อง​ ตั้งคณะทำงานร่วม​วิเคราะห์​ปัญหาแนวทางการแก้ไข พัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ​ให้สะดวกมากยิ่งขึ้น​

วันที่ 8 มิ.ย. เมื่อเวลา 07.00 น. ชัชชาติ​ สิทธิ​พันธุ์​ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หารือร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) เรื่องการจัดการจราจรในกรุงเทพฯ ที่ กองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) TRAFFIC POLICE DIVISION​ โดยมี​พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล​ ในฐานะหัวหน้างานจราจร (จร.)และ​ พล.ต.ต​ สุวิชชา จินดาคำ ผบก.จร​ ให้การต้อนรับและชี้แจงข้อมูล กระบวนการทำงานของตำรวจจราจร

ชัชชาติ.jpg

โดย ชัชชาติ บอกภายหลังการหารือว่า ปัจจุบันเรื่องจราจรเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เป็นปัญหากับคนกรุงเทพ โดยเฉพาะช่วงโรงเรียนเปิดและช่วงฝนตก และจากการหารือได้ข้อสรุป 5 ข้อ คือ

1.จะต้องมีความร่วมมือกันอย่างเข้มข้น ของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน ทั้ง กทม. ตำรวจจราจร กระทรวงคมนาคม ขสมก.รถไฟฟ้า ทางด่วน จึงต้องมีความร่วมมือกัน

2.จะมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการร่วม แม้เดิมจะมีอยู่แล้วแต่การปฏิบัติไม่ได้เข้มแข็งมาก โดยควรจะต้องมีเจ้าหน้าที่ตัวแทน กทม. มานั่งประจำ รวมถึง ขสมก.มาร่วมด้วย เพื่อจะได้ลงไปแก้ปัญหาแต่ละจุดอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ กทม.จะรับปิดชอบทำแผนที่ในการทำจุดรถติดซ้ำซาก เพื่อนำมาวิเคราะห์ ปัญหา ว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยจะเริ่มทำทันที และเชื่อว่าหลายจุดจะสามารถบรรเทาได้ เช่นจุดที่มีรถจอดส่งของต่างๆ และจะมีการประชุมทุกเดือนเพื่อติดตามความก้าวหน้า

ชัชชาติ.jpg

3. เรื่องเทคโนโลยี เพราะกล้องวงจรปิดที่ดูจราจรมีร้อยกว่ากล้องเท่านั้น จากห้าหมื่นกว่ากล้อง และการบริหารไฟจราจรก็ใช้จราจรที่แยก ทำให้ไม่เห็นภาพรวม ดังนั้น ควรมีระบบที่เห็นภาพรวมการจราจรทั้งกรุงเทพ และบริหารจัดการไฟแลบกึ่งอัตโนมัติ แต่บางจุดก็ต้องมีคนดูแล จะทำให้ใช้ถนนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อพิจารณาระบบเพื่อติดตั้ง บริหารจัดการไฟทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพ โดยต้องศึกษาให้อล้วเสร็จภายใน1ปี จากนั้นก็จะดำเนินการติดตั้งระบบ

4.เรื่องความปลอดภัย ซึ่งทางกายภาพ กทม.ดำเนินการ แต่สิ่งสำคัญคือ การจำกัดวามเร็วในกทม. โดยกทม.จะนำข้อมูลความเสี่ยงจึดเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาวิเคนาะห์ว่าเส้นไหนควรจะมีความเร็วต่ำกว่า80กิโลเมตร/ชม. มาหารือกับ บช.น. เพื่อกำหนดควบคุมคงามเร็วในเมือง และในชุมชน ที่เป็นความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อทำให้เกิดความปลอดภัย

5.เรื่องจักรยานยนต์ ต้องหารือต่อไปว่าจะมีแนวทางอย่างไรจัดการให้เกิดความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เช่น บางถนนมีการทำเลนสำหรับจักรยานยนต์ จุดจอดก่อนถึงสี่แยก ให้แยกกับรถยนต์ ต้องดูแลประชาชนที่ใช้รถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ให้มากขึ้น โดยจะต้องมีการร่วมมือกันกับ บช.น. ซึ่งเชื่อว่า หลังจากวันนี้จะเห็นการปรับปรุงที่ดีขึ้น

ชัชชาติ.jpg

ชัชชาติ ยังมองอีกว่า หากมีการนำระบบอัตโนมัติ และใช้เทคโนโลยีมาใช้ จะช่วยทำให้การบริหารจัดการได้ดีขึ้นและสะดวกขึ้น ซึ่งกทม.ต้องช่วยตำรวจจราจรในการนำเทคโนโลยีมาใช้ด้วย ส่วนหนึ่งการใช้เทคโนโลยีจะช่วยเรื่องการตรวจจับปรับได้ และหากนำเอาค่าปรับจราจรดังกล่าว มาเป็นตัวที่ใช้ในการลงทุนตัวระบบได้ ก็จะทำให้ไม่ต้องใช้งบประมาณส่วนอื่น

ส่วนจะเริ่มแก้ปัญหาจากจุดใดก่อนนั้น ชัชชาติ มองว่า จะต้องเริ่มจากจุดที่เกิดปัญหาซ้ำซากก่อน เช่น พระราม4 ส่วนหนึ่งที่รถติดคือรถขึ้นทางด่วน และรถจอดส่งของ ทั้งนี้หากมีการนำเทศกิจไปเป็นผู้ช่วยตำรวจ ในการบังคับห้ามจอดรถ ก็น่าจะช่วยทำให้รถคล่องตัวขึ้นได้ และสัปดาห์หน้าตนเองก็จะลงพื้นที่ ไปดูจุดที่เป็นปัญหา จุดที่ดูรถติดซ้ำซาก เพื่อดูว่าปัญหาคืออะไร และจะแก้อย่างไรนอกจากนี้ หากในการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน ก็ควรจะนำมาใช้กฎหมายมาบังคับใช้ด้วย ส่วนระยะกลางก็เป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

ชัชชาติ.jpg

ทั้งนี้​ ปัจจุบันถนนน้อยกว่ารถ ต้องใช้ถนนให้มีประสิทธิภาพก่อน และถ้านำเทคโนโลยีเข้ามา จะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ไม่ใช่แก้ได้100% เพราะรถเยอะ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะไม่ดีพอ แต่ถ้าระบบขนส่งสาธารณะดีขึ้นหลังจากนี้ ถ้ารถไฟฟ้าเสร็จ มีระบบเชื่อมต่อที่ดี ก็เชื่อว่าจะทำให้คนหันมาใช้รถสาธารณะเพิ่มมากขึ้น​ แก้ปัญหาได้ในระยะยาว

“เรื่องรถติดเป็นเรื่องใหญ่ หากเราพยายามช่วยกันอย่างเต็มที่ น่าจะเห็นผลที่ดีขึ้น ขอให้ประชาชนร่วมมือกัน ถ้าช่วยกันเต็มที่ทุกภาคส่วน เชื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้​“ ชัชชาติ กล่าว