ไม่พบผลการค้นหา
ดีแทคแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศแต่งตั้ง 'อเล็กซานดรา ไรซ์' นั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทน 'ลาร์ส นอร์ลิ่ง' มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2561 เป็นต้นไป

บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ หรือ ตลท. วันนี้ (19 มิ.ย.) ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2561 ได้มีมติแต่งตั้ง ได้มีมติแต่งตั้ง 'นางอเล็กซานดรา ไรซ์' เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท แทน 'นายลาร์ส โอเคะ วัลเดอมาร์ นอร์ลิ่ง' มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2561 เป็นต้นไป 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา นายลาร์ส โอเคะ วัลเดอร์มาร์ นอร์ลิ่ง ได้แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2561 เป็นต้นไป หรือวันที่บริษัทฯ แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่่ผ่านมา (15 มิ.ย.) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า บริษัทฯ จะไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมย่าน 1740-1785 /1835-1880 MHz ซึ่งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กำหนดให้ผู้สนใจเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ตามประกาศต่อสำนักงาน กสทช. ภายในวันที่ 15 มิ.ย. ที่ผ่านมา และจะมีวันประมูลวันที่ 4 ส.ค. 2561 นี้ 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ ประเมินว่า การที่ดีแทคไม่เข้าร่วมประมูลคลื่น 1800 MHz มีผลให้บริษัทไม่มีต้นทุนเพิ่มและไม่ต้องจ่ายกระแสเงินสดไปเพื่อให้ได้คลื่น 1800 MHz ในปีนี้ ดังนั้นบริษัทจะสามารถประหยัด 1) ต้นทุนค่าตัดจำหน่ายได้ไม่น้อยกว่า ปีละ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งอ้างอิงจากราคาประมูลคลื่นความถี่เริ่มต้นที่ 3.74 หมื่นล้านบาท สำหรับการประมูลรอบนี้ 2) ประหยัดกระแสเงินสดที่ต้องจ่ายไม่น้อยกว่า 1.28 หมื่นล้านบาท ซึ่งอ้างอิงจากสมมติฐานการจ่ายค่าใบอนุญาตร้อยละ 50 ของราคาประมูลสุดท้ายภายใน 90 วันหลังได้รับแจ้งว่าชนะการประมูลแล้ว) ซึ่งหาก กสทช.กำหนดการประมูลคลื่น 1800 MHZ รอบใหม่ภายใต้เงื่อนไขใหม่ ก็คาดว่า ดีแทคจะสนใจเข้าร่วมประมูลเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะยาวให้กับกิจการของบริษัท 

อย่างไรก็ตาม บล.เคจีไอ ได้ปรับประมาณกำไรปี 2561-2562 เพื่อสะท้อนการไม่มีคลื่น 1800 MHz และการเปิดบริการคลื่น 2300 MHz เร็วกว่าคาด โดยคาดว่าปีนี้ บริษัทจะมีรายได้ 7.83 หมื่นล้านบาท ต้นทุน 6.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากประมาณการก่อนหน้าร้อยละ 1 และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1.5 พันล้านบาท หรือ ลดลงจากประมาณการก่อนหน้าร้อยละ 20.9 

ข่าวเกี่ยวข้อง :