ไม่พบผลการค้นหา
ที่ประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ บูรณาการแก้ปัญหาน้ำ ย้ำทุกหน่วยงานร่วมวิเคราะห์วางแผนรับมืออุทกภัย

นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรนํ้าแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานอำนวยการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครั้งที่ 5/2561 ณ ว่า สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้เพื่อติดตามข้อสั่งการของ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ในการประชุมคณะอนุกรรมการวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำครั้งล่าสุดที่ผ่านมา 

โดยเฉพาะการบูรณาการข้อมูลและวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกัน เพื่อให้การคาดการณ์สภาพอากาศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมทั้งให้สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA ) ร่วมกันจัดทำแผนที่พยากรณ์อากาศให้เป็นแผนที่ฉบับเดียวกัน (One Map) เพื่อให้ข้อมูลเป็นเอกภาพ และให้หน่วยงานที่มีอ่างเก็บน้ำในความรับผิดชอบนำแผนที่พยากรณ์อากาศดังกล่าวมา

รวมถึงประกอบการวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกับตำแหน่งที่ตั้งของอ่างเก็บน้ำแต่ละแห่ง การให้ทุกหน่วยงานสั่งการให้หน่วยงานในระดับพื้นที่ในสังกัดมีการปฏิบัติงานแบบบูรณาการในทุกๆด้าน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด การติดตามตรวจสอบระบบการตรวจสอบระบบโทรมาตรให้ใช้งานได้ และให้ติดตั้งระบบโทรมาตรวัดน้ำฝนบริเวณพื้นที่ต้นน้ำสำคัญๆที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติโดยด่วน เช่น เขื่อนแก่งกระจาน เขื่อนขุนด่านปราการชล เป็นต้น ส่วนที่มีอยู่แล้วต้องบำรุงรักษาให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา  

สำหรับในเรื่องสถานการณ์น้ำนั้นที่ประชุมได้สั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ทั้ง 35 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ที่มีความจุมากกว่า 50 ล้าน ลบ.ม. โดยจะต้องคาดการณ์ปริมาณน้ำไหลเข้า ปริมาณน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้น พร้อมให้เสนอแผนเผชิญเหตุภาวะวิกฤติ แผนระบายน้ำ

ตลอดจนแผนที่แสดงผลกระทบจากการระบายน้ำกรณีระบายน้ำปริมาณต่างๆ  รวมทั้งให้บริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำที่มีความจุเกิน 80 % และมีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำ โดยให้หน่วยงานที่รับผิดชอบส่งเกณฑ์การควบคุมระดับน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางให้ สทนช. เพื่อใช้สำหรับติดตามกำกับต่อไป  

เลขาธิการ สทนช.กล่าวว่า ได้ให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบระบบควบคุม อาคารบังคับน้ำต่างๆ ให้อยู่ในสภาพดีใช้การได้ หากพบว่าชำรุดต้องเร่ง ซ่อมแซมโดยด่วน และขอให้หน่วยงานทหารให้การสนับสนุนหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ทั้งด้านเครื่องกล เครื่องจักร และกำลังพล พร้อมทั้งให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำลงพื้นที่ให้คำแนะนำด้านเทคนิคการดูแลบำรุงรักษา และการบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กที่อยู่ในการดูแลของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่น

โดยให้จัดทำคู่มือ (Check List) ในการตรวจสอบความมั่นคงของอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อให้หน่วยงานท้องถิ่นได้ใช้เป็นคู่มือมาตรฐานในการตรวจสอบการบำรุงรักษา และให้กรมทรัพยากรน้ำเชื่อมโยงระบบเตือนภัยล่วงหน้าสำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย-ดินถล่มในระบบออนไลน์กับ สทนช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และจังหวัดในพื้นที่ 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้อ่างเก็บน้ำหลายแห่งจะมีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก แต่ก็มีอ่างเก็บน้ำจำนวนไม่น้อยที่มีปริมาณค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนใต้ พล.อ.ฉัตรชัย จึงได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมและมาตรการรับมือสถานการณ์น้ำน้อยด้วย 

โดยให้เตรียมการจัดทำแผนการส่งน้ำและการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง หากพบว่ามีพื้นที่ที่จะเกิดภัยแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ให้ดำเนินการช่วยเหลือโดยเร่งด่วน เช่น การทำฝนเทียม และขอให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ดำเนินการสำรวจถ้าพบว่าพื้นที่ใดแห้งแล้งก็ขอให้ทำฝนเทียมโดยไม่ต้องรอหน่วยงานร้องขอ 

"รองนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วย���านบูรณาการการทำงานเพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศมีประสิทธิภาพ เพราะหากการบริหารจัดการดีจะไม่เกิดความเสียหาย หรือหากเกิดความเสียหายประชาชนต้องได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และทุกหน่วยงานต้องมีความพร้อมตลอดเวลา หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินจะสามารถร่วมกันหาวิธีการแก้ไขปัญหาได้ทันต่อสถานการณ์ และควรมีแผนการปฏิบัติงานที่ละเอียดรอบคอบ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด" เลขาธิการ สทนช.กล่าว