สำนักข่าวเอพีรายงานว่า 'โควคิมซุน' วิสัญญีแพทย์ชายชาวมาเลเซีย วัย 53 ปี ถูกจับกุมและตั้งข้อหาฆาตกรรม 'หว่องซิ่วเฟิง' ชาวฮ่องกง วัย 47 ปี ผู้เป็นภรรยา และลิลี่ หรือ 'โควลี่หลิง' วัย 16 ปี ลูกสาวคนที่ 2 ของโควและหว่อง หลังทั้งคู่ถูกพบเป็นศพในรถยนต์มินิคูเปอร์สีเหลือง ซึ่งปิดประตูมิดชิด และจอดอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของครอบครัวโควและหว่องเมื่อเดือน ส.ค.2558
ผลชันสูตรบ่งชี้ว่าทั้งคู่สูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่การตรวจสอบรถยนต์ไม่พบสิ่งผิดปกติกับระบบท่อไอเสีย ถือเป็นการเสียชีวิตในรถยนต์ปิดตายที่ชาวฮ่องกงให้ความสนใจอย่างมาก
จนกระทั่งตำรวจฮ่องกงพบ 'บอลโยคะ' ที่ฟีบแบนอยู่ท้ายรถคันเกิดเหตุ จึงดำเนินการสืบสวนเพิ่มเติม และมีพยานให้ปากคำว่าโควได้ใช้สิทธิ์อาจารย์แพทย์ของมหาวิทยาลัยจีนประจำฮ่องกง เบิกก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ จากห้องทดลองของมหาวิทยาลัยช่วงก่อนที่หว่องและลิลี่จะเสียชีวิตได้ไม่นาน โดยเขาบอกกับเพื่อนร่วมงานว่าต้องการนำไปทดสอบคุณภาพของก๊าซ และจะนำไปใช้ฆ่าหนูที่บ้าน แต่จากกรณีดังกล่าวทำให้มหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลพรินซ์ออฟเวลส์ซึ่งโควทำงานอยู่ ตัดสินใจพักงานเขาเมื่อเดือน ก.ย.2560
นอกจากนี้ แม่บ้านชาวต่างชาติที่ครอบครัวของโควและหว่องว่าจ้างเอาไว้ ให้ปากคำด้วยว่าที่บ้านไม่เคยมีปัญหาหนูรบกวนมาก่อน ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างโควและภรรยาค่อนข้างห่างเหิน และแยกห้องนอนกันนานแล้ว ทำให้ตำรวจยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออนุมัติหมายจับโควในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมหว่องและลูกสาว ซึ่งนำไปสู่การจับกุมและควบคุมตัวโควเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
(ลูกสาวคนโตของโควคิมซุน ผู้เป็นจำเลย และหว่องซิ่วเฟิง ผู้เสียชีวิต ไปให้การต่อศาลเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา)
ภายหลังจากสอบปากคำพยาน รวมถึงลูกสาวคนโตของโควและหว่อง เป็นระยะเวลานาน 21 วัน คณะลูกขุนได้ลงความเห็นว่าโควมีความผิดจริง และศาลได้พิพากษาโทษจำคุกตลอดชีวิตแก่โควเมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) โดย 'แอปเปิลเดลี่' สื่อของฮ่องกง รายงานว่าโควส่ายหน้าปฏิเสธคำตัดสินของศาล พร้อมมองไปยังลูกๆ ของเขาและหว่องอีก 3 คนที่มาฟังการพิจารณ��คดีในชั้นศาลด้วย แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
เดอะสเตรทไทม์สและเซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า โควมีความสัมพันธ์นอกสมรสกับลูกศิษย์คนหนึ่งได้สักพักแล้ว แต่หว่องผู้เป็นภรรยาไม่ยอมหย่าขาด เนื่องจากทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 4 คน และโควยอมรับว่าเขานำบอลโยคะอัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มาไว้ที่บ้านพักจริง แต่ตั้งใจจะใช้ฆ่าหนู ทั้งยังยืนยันด้วยว่าเขาไม่ได้เป็นผู้นำบอลโยคะไปไว้ท้ายรถยนต์ของหว่อง และกล่าวว่า 'ลิลี่' อาจเป็นผู้นำบอลไปไว้ท้ายรถเอง เพราะต้องการฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม คำให้การของพยานแวดล้อมระบุว่าลิลี่เป็นเด็กสาวที่ดูปกติและร่าเริงมีชีวิตชีวา จึงไม่น่าจะฆ่าตัวตาย ส่วนลูกสาวคนโตของโควและหว่องซึ่งให้ปากคำต่อศาลเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่าโควเป็นพ่อที่ค่อนข้างเข้มงวดและกดดันกับลูกๆ
แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าโควเป็นผู้นำบอลโยคะไปวางไว้ท้ายรถยนต์ แต่เมื่อพิจารณาพยานแวดล้อมก็ทำให้เชื่อได้ว่า โควมีส่วนรู้เห็นในการนำบอลอัดก๊าซอันตรายมาไว้ในที่พักอาศัย ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: