วันที่ 1 มิ.ย. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระด่วนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 วงเงิน 3.158 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 1 ขั้นรับหลักการ โดย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายเกี่ยวกับงบประมาณในภาคการท่องเที่ยว โดยระบุว่า ร่างงบฯ ปีนี้ มีการกู้ชดเชยทั้งสิ้น 6.95 แสนล้านบาท หรือกว่า 21.82% ของงบทั้งหมด ซึ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤตต่างๆ บนโลก
จักรพล เผยว่า สามารถวิเคราะห์งบฯ ดังกล่าวได้ ผ่าน 5 ตัวชี้วัด ประกอบด้วย 1) ตัวเลข จีดีพีที่สภาพัฒน์คาดการณ์ว่า จะโตน้อยลงจากเดิม 3.5-4.5% เหลือ 2.5-3.5% เป็นมูลค่า 16.66 ล้านบาท 2) ผู้ว่างงานระยะยาว 1.7 แสนคน เสมือนว่างงานกว่า 3.78 ล้านคน สะท้อนความเปราะบางของตลาดแรงงานไทย และการบริหารงบของรัฐ 3) อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 4.65 สูงกว่าค่ากลาง ซึ่งจะกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง แม้จะเกิดจากปัจจัยภายนอก แต่รัฐบาลควรจัดงบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
4) ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลง แสดงถึงความกังวลของผู้ประกอบการต่อภาวะเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดิ่งถอย’ลงเช่นกัน และ 5) จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย 1.3 ล้านคน สร้างรายได้เพียง 1 แสนล้านบาท เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และทุบทำลายการท่องเที่ยวของประเทศไทยมาโดยตลอด
สำหรับความน่าตกใจในภาคการท่องเที่ยว ประเทศไทยฟื้นตัวได้ช้ามาก เป็นเรื่องดีที่ในร่างงบฯ นี้ งบของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพิ่มขึ้น 80 ล้านบาท และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพิ่มขึ้น 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวล เช่น แผนงานบูรณาการการสร้างรายได้ภาคการท่องเที่ยวกลับหายไป ทั้งที่สามารถรายได้ถึง 4 แสนล้านบาท การจ้างงานจะสูงขึ้นกว่าแสนคน
“ทั้งที่มีเป้าหมายพูดกันอยู่ตลอดว่า ต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่การจัดสรรงบประมาณให้หน่วยงานกลับน้อยนิด ดูด้อยค่ากว่าในอดีต แต่จะมาหวังรายได้จากพวกเราภาคการท่องเที่ยว ดูเป็นหลักการที่ย้อนแย้งตัวเองกันไปหมด จากเหตุผลทั้งหมด ผมเรียกงบประมาณฉบับนี้ว่า เน้นปริมาณเงิน ไม่เน้นการพัฒนา Focus on Quantity, not on people pr quality”
จักรพล เสนอว่า ควรเพิ่มมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว อัดฉีดงบประมาณบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเทรนด์ใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้ถึง 6 แสนล้านบาท ยกระดับระเบียงเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมเส้นทางคมนาคม เน้นทำโครงการที่ชัดเจน ครอบคลุม ครบวงจร เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคการท่องเที่ยวไทย
“ในการพิจารณาและคำนวณงบฯ ของรัฐบาลชุดนี้ ผมอ่านแล้วก็เศร้าใจ เหมือนการใช้เครื่องคิดเลขเครื่องเก่าๆ ที่มีแต่เครื่องหมายลบ และเครื่องหมายหาร คำนวณเงินมาผิดๆ ถูกๆ โดยเฉพาะการกู้เงินมาป็นจำนวนมาก แต่ไร้ประสิทธิภาพในการจัดหาและกระจายรายได้เข้าสู่พื้นที่ แต่หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เครื่องคิดเลขดังกล่าวจะเต็มไปด้วยเครื่องหมายบวกและเครื่องหมายทวีคูณ เพราะเราเข้าใจบริบทของประเทศ และเข้าใจการเคลื่อนที่ของเศรษฐกิจและเทคโนโลยี และเข้าใจแท้จริงว่าคนไทยทั้งประเทศต้องการอะไร” จักรพล กล่าว