รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรึ เปิดเผยว่า รัฐบาลติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศซูดานอย่างใกล้ชิด พร้อมดูแลคนไทยและนักศึกษาไทยมุสลิมที่ศึกษาในประเทศซูดาน โดยวันที่ 22 เมษายน 2566 พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงมาตรการการให้ความช่วยเหลือ รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือคนไทยในประเทศซูดานอย่างเต็มที่
สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศซูดาน รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้รายงานว่า สถานการณ์ที่ประเทศซูดาน ขณะนี้ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจากการปะทะกันยังกระจัดกระจายและยังมีความเสี่ยงทั้งการอยู่ภายในที่พักอาศัยและการออกมาภายนอก อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้เสนอเส้นทางการอพยพสู่พื้นที่ปลอดภัย ณ สนามบินประเทศเพื่อนบ้านซูดาน เช่น ไคโร ซาอุ และ ฐานทัพสหรัฐที่ Djibouti โดยทาง กระทรวงการต่างประเทศ จะหารือเรื่องการอำนวยความสะดวกต่างๆ กับประเทศที่เกี่ยวข้อง ร่วมทั้งพันธมิตรประเทศที่มีความพร้อมในการอพยพด้วย
นอกจากนี้ทางกองทัพอากาศ ได้เตรียมความพร้อมของอากาศยาน โดยการจัดเตรียมเครื่องบินไว้แล้วและรอการพิจารณาเส้นทางที่แน่ชัดจากทางภาครัฐ ซึ่งจะร่วมกับกระทรวงต่างประเทศ ในการสนับสนุนการอพยพคนไทย การรับรองดูแลคนไทยเมื่อกลับถึงประเทศไทย โดยเฉพาะนักเรียนไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดใช้แดนพักใต้ ซึ่งทางศูนย์อำนวยการบริหารจัดการจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) จะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหารถโดยสาร รวมถึงการดูแลนักเรียนไทยให้สามารถเทียบโอนหน่วยกิจการศึกษามายังสถานศึกษาในไทย การสื่อสารประชาสัมพันธ์ ทั้งในส่วนของเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ซูดาน ผู้ปกครอง และสังคมไทยโดยรวม
รัชดา ยังกล่าวถึงแนวทางการดำเนินการของ ศอ.บต. ว่า ขณะนี้ ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางไว้ในระดับพื้นที่ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ โดยจะเน้นการสื่อสารกับกลุ่มครอบครัวเยาวชนที่ไปเรียนในซูดาน ซึ่งมีจำนวน 91 คน รวมไปถึงให้บริการสายด่วน 1880 รองรับประเด็นดังกล่าวด้วย และมีผู้ปกครองติดต่อมาแล้ว มากไปกว่านั้น ศอ.บต. จะทำการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับนักศึกษาไทยกลับภูมิลำเนา พร้อมจัดหาที่พักเมื่อกลับถึงประเทศไทย ควบคู่กับการดูแลเรื่องการศึกษาของนักศึกษาที่ประสงค์จะไม่กลับไปศึกษาต่อ เช่น การเทียบวุฒิการศึกษา เป็นต้น
ทั้งนี้ เลขาฯ สมช. ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยมีการวางแผนการสื่อสารในภาวะวิกฤตควบคู่ไปกับการวางแผนการดำเนินงานตามภารกิจในครั้งนี้ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นเจ้าภาพหลักในการติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมในการอพยพนักศึกษาไทยในเส้นทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเรือหรือทางอากาศ พร้อมจัดทำแผนรองรับผู้ที่หลบหนีแบบผิดกฏหมาย ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในแนวทางการช่วยเหลือของรัฐบาลไทยให้ทุกคนได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย