ที่อาคารอนาคตใหม่ ซอยหัวหมาก 12 ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดตัวคาราวานก้าวไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ 5 สาย 7 วัน ทุกที่ทั่วไทย พร้อมประกาศความพร้อมจัดตั้งรัฐบาล หลังมวลชนตอบรับกระแสพรรคทั่วประเทศถล่มทลายว่า พรรคก้าวไกลเดินทางสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ภายใต้กระแสตอบรับล้นหลามทั่วประเทศ เพื่อให้ตอบสนองต่อพี่น้องประชาชนที่อยากพบเจอแกนนำของพรรค ในสัปดาห์สุดท้าย เราจึงจัดคาราวานไปหาประชาชนถึงที่ เดินทางจาก 5 จุดทั่วไทย มาบรรจบกันที่กรุงเทพ ภายใต้ชื่อ “คาราวานก้าวไกล ถนนทุกสายมุ่งสู่ทำเนียบ” ประกอบด้วย
1. ภาคเหนือ: สายมาเหนือ นำโดย ชัยธวัช ตุลาธน พรรณิการ์ วานิช และกรุณพล เทียนสุวรรณ
2. ภาคใต้: สายในใต้หล้า นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, รังสิมันต์ โรม และพริษฐ์ วัชรสินธุ
3. ภาคตะวันออก: สายบูรพาไม่แพ้ นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์, ศิริกัญญา ตันสกุล, เบญจา แสงจันทร์ และวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
4. ภาคอีสาน #1: สายเลือดอีสาน นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
5. ภาคอีสาน #2: สายมิตรภาพ นำโดย ปิยบุตร แสงกนกกุล, ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ และอภิชาติ ศิริสุนทร
โดยคาราวานจะแห่ ปราศรัย ดาวกระจายไปพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ก่อนจะมาบรรจบกันที่เวทีปราศรัยใหญ่ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) ช่วงเย็นวันที่ 12 พ.ค. นี้ เพื่อรวมพลังประชาชนทั่วประเทศส่งก้าวไกลเข้าทำเนียบรัฐบาล เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว เลือกเพื่อเดินหน้าสู่อนาคต ไม่ใช่เพราะความสำเร็จในอดีต
ทั้งนี้ ช่วง 10 วันสุดท้ายของการหาเสียง ผู้สมัครทั้ง 400 เขต อาสาสมัครในทุกจังหวัด และหัวคะแนนธรรมชาติ จะทำงานหนักถึงที่สุด เพื่อเป้าหมายสุดท้าย คือ ได้ ส.ส.160 ที่นั่ง และเพื่อให้ก้าวไกลได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง โดนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คิดเห็นอย่างไรกับคำว่า "ชนะเลือกตั้งได้ แต่ไม่ได้หมายความจะจัดตั้งรัฐบาลได้" ชัยธวัช ระบุว่า สถานการณ์การเลือกตั้งตอนนี้ ต่างจากสถานการณ์การเลือกตั้งในปี 2562 หากประเมินจากผลสำรวจต่างๆ ที่ออกมาจะเห็นว่าทั้งหมดมีความสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะโพลของฝ่ายความมั่นคง หรือโพลของพรรคการเมืองต่างๆ
และสิ่งที่ต่างกันมากของการเลือกตั้งครั้งนี้ และปี 2562 คือ ฝ่ายขั้วรัฐบาลเดิมจะไม่มีโอกาสได้ ส.ส. รวมกันเกิน 180 ที่นั่ง ขณะที่ ขั้วฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล รวมกันแล้วจะถึง 300 เสียง ถือว่าห่างกับพรรคขั้วรัฐบาลอันดับ 1 กันกว่า 100 เสียง จึงไม่มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลได้ และไม่ต้องกังวลว่าเสียงของพรรคหลักสองพรรคจะตัดกันเองและทำให้พรรคคะแนนอันดับ 3 ขึ้นมาแทรก การเลือกตั้งในครั้งนี้จะไม่ใช่สถานการณ์ตาอยู่ แต่จะเป็นเรือล่มในหนอง
นอกจากนี้ ชัยธวัช ยังเชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยังไปด้วยกันและจะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันได้ แม้เงื่อนไขบางอย่างอาจจะมีความเห็นไม่ตรงกัน และเชื่อว่า หลังเลือกตั้งจะมีการพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่า เงื่อนไขบางอย่างที่พรรคเพื่อไทยอาจจะไม่เห็นพ้อง โดยเฉพาะมาตรา 112 นั้น การเสนอแก้ไข กฎหมายอาญา ผู้ที่ทำความผิดหมิ่นประมาทบุคคลรวมถึง 112 พรรคก้าวไกลได้ยื่นค้างไว้ในสภาฯ และเมื่อสภาฯ เปิด จึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะต้องผลักดันให้สำเร็จ จึงคิดว่า การตั้งรัฐบาลร่วมกัน สิ่งที่ก้าวไกลอยากจะเห็น คือ การทำข้อตกลงที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ในประเด็นที่เป็นเรื่องใหญ่ มีการทำประชามติเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง รวมถึงการปฏิรูปกองทัพ เริ่มต้นจากการยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหาร หรือการปลดล็อกท้องถิ่น เลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เป็นต้น
การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ อ้างว่า พรรคก้าวไกลใช้ IO ปั่นกระแสในโลกออนไลน์เพื่อให้มีความนิยมนั้น ชัยธวัช กล่าวว่า “คนที่เล่นโซเชียบมีเดียจะแยกออกว่าอันไหนเป็น IO อันไหนเป็นของจริง และทัศนคติของพรรครัฐบาลเดิมน่าจะมาจากความเคยชินที่ถนัดใช้แต่ IO จากกองทัพ จากฝ่ายความมั่นคง มาปั่นกระแส สร้างข้อมูลเท็จและความแตกแยกในสังคมมาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ขอยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ทำ อย่าว่าแต่ทำ IO การซื้อโฆษณาเฟซบุ๊กยังไม่ทำเลย”