ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลย้ำกรณีส่งชาวอุยกูร์กลับบ้านเกิดทำเต็มที่ทุกมิติ เตือนฝ่ายค้าน 'กัณวีร์' เอาเอกสารปลอมมาเล่น..เพื่อ? ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยชี้ขอให้รอเดือนนี้ รองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะบินไปดูความเป็นอยู่อีกครั้ง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า วันนี้เรื่องการส่งชาวจีนอุยกูร์กลับแผ่นดินเกิดนั้น รัฐบาลทั้งไทยและจีนยืนยันความโปร่งใส พร้อมให้มีการตรวจสอบ ในการเดินทางถึงซินเจียง แล้วความเป็นอยู่อย่างไร

ทั้งนี้ นายกัณวีร์ สืบแสง พรรคฝ่ายค้าน น่าจะหยุดเรื่องดังกล่าวนี้ได้แล้ว เนื่องจากยิ่งออกมาพูดหรือแสดงหลักฐานที่ไม่ถูกต้อง ยิ่งทำให้เกิดความสับสนต่อสังคม และประเทศไทย คนไทยก็ไม่ได้ประโยชน์ใดๆเลย

โดยเฉพาะเรื่องของจดหมายที่อ้างว่ามาจากชาวอุยกูร์ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ก็ออกมายืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่า“ปลอม” ไม่ได้ออกมา จากเรือนจำกลางคลองเปรม

ในขณะที่นายกัณวีร์ก็ระบุว่าจดหมายดังกล่าวเขียนถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เหตุใดจึงนำไปเก็บไว้โดยไม่ส่งมอบให้กับรัฐบาล หรือหากมีเจตนาที่ดีก็สามารถเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียได้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องจะได้รับรู้ข้อมูลและนำไปติดตามตรวจสอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น กลับปล่อยล่วงเลยมาจนถึงเดือนมีนาคมปีนี้เพื่ออะไร 

นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า สังคมยังเกิดข้อสงสัยอย่างมากว่าไปเอาออกมาจากห้องกักของ ตม.ได้อย่างไร และไปรับจากใคร หรือใครให้มา มีเจตนาอะไร ซึ่งประเด็นนี้ถ้าหากตอบสังคมได้ก็จะเกิดความกระจ่างมากยิ่งขึ้น

ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ย้ำหลายครั้งว่าสถานการณ์ 15 ปีที่แล้วที่มณฑลซินเจียงกับปัจจุบันไม่เหมือนกัน โลกเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจ และหลายรัฐบาลไทย ก็ดำเนินการประสานงานอยู่ตลอดเวลาก็ไม่เห็นมีประเทศไหนให้การตอบรับตัวชาวจีน อุยกูร์กลุ่มนี้ไปประเทศที่3แต่อย่างใด

“วันนี้หน่วยราชการยืนยันว่าปลอม มีแต่นายกัณวีร์คนเดียวที่ยืนยันว่าเป็นจดหมายจริง ตนเห็นว่าควรจะยุติเรื่องที่ออกมาพูดได้แล้ว และรอการที่รัฐบาลจะส่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเดินทางไปติดตามภายในเดือนนี้เพื่อให้เห็นถึงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างสองประเทศจะดีกว่า ยิ่งนำเสนอมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างความสับสน และไม่เห็นเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยแต่อย่างใดเลย เพราะรัฐบาลไทยได้ปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่างๆรวมทั้งเรื่องของสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจนแล้ว”