ไม่พบผลการค้นหา
‘ตรีชฎา’ ซัด ‘ประยุทธ์’ หยุดเอาเวลาราชการมาหาเสียง จี้ กกต.ตรวจสอบด่วน

ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ปี่กลองของการเลือกตั้งดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกพรรคการเมืองต่างเร่งหาเสียง นำเสนอนโยบายสู่พี่น้องประชาชน แต่รัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ยอมยุบสภา กอดอำนาจเอาไว้และยังทำงานไม่คุ้มค่ากับภาษีของพี่น้องประชาชน กลับลาราชการมาร่วมพิธีทำบุญใหญ่ ณ ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ลาราชการมาสวมเสื้อแจ็คเก็ตให้ผู้จะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยที่ยังได้ทั้งเงินเดือน และสวัสดิการเพรียบพร้อมที่มากกว่าผู้สมัครอื่นๆ การกระทำของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งอยู่ในฐานะผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรครวมไทยสร้างชาติ และมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีที่สังกัดพรรคการเมือง ถือเป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นหรือเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมืองใด พรรคการเมืองหนึ่งในช่วงเวลาใกล้การเลือกตั้งหรือไม่ แม้การลาเป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ แต่ในฐานะของคนเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมถูกคาดหวังถึงความผิดชอบ ความมีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และมารยาททางการเมืองที่คนเป็นนักการเมืองพึงมี จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบด้วย การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ เอื้อต่อการหาคะแนนเสียง หรือการกระทำใดๆ ก็ตามที่จะทำให้นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี ได้เปรียบคู่แข่ง ซึ่งไม่ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ และหากยุบสภา การหาเสียงของบุคคลเหล่านี้จะต้องไม่ขัดต่อระเบียบ กกต. อันจะทำให้เกิดความไม่เท่าเทียมกับพรรคอื่นๆในการเลือกตั้งด้วย 

นอกจากการลาราชการไปโดยเหตุไม่จำเป็นแล้ว ยังมีการอนุมัติงบประมาณแบบกระจุกตัวในช่วงใกล้เลือกตั้ง เช่น งบกลางเกือบ 2,000 ล้านบาท ใน 2 โครงการ คือ โครงการนำร่องตามโมเดลเศรษฐกิจบีซีจี กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จำนวน 1,037 ล้านบาท ภายใต้การกำกับดูแลของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอนุมัติงบช่วยเหลือผู้เสพ, ผู้ติดยาเสพติดของศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมจังหวัด ประจำปีงบประมาณ 2566 วงเงิน 826 ล้านบาท อาจถูกมองว่าเป็นการใช้งบเพื่อให้รัฐมนตรีคนสนิทนำไปใช้เอื้อประโยชน์สร้างคะแนนความนิยมให้ พล.อ.ประยุทธ์ในช่วงการเลือกตั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งที่สามารถอนุมัติงบประมาณก่อนหน้านี้ได้ เพื่อให้ทันกับความเดือดร้อนของประชาชน 

 “กกต.ต้องเอาจริงเอาจัง ประกาศให้ชัดเจนถึงแนวปฏิบัติ แล้วดำเนินการอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ไม่เอื้อประโยชน์กับบางพรรคการเมือง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความโปร่งใส สุจริตและเที่ยงธรรม” ตรีชฎา กล่าว