และล่าสุดก็ ‘มนพร' เพิ่งชนะเลือกตั้งด้วยการโค่น 'สหายแสง' ศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ผู้สมัคร สส.นครพนม เขต 2 พรรคภูมิใจไทย ที่เคยเป็น สส.นครพนม
เลือกตั้งครั้งล่าสุด 'มนพร' ชนะได้รับเลือกตั้งจากเสียงประชาชนที่มอบให้จำนวน 39,856 คะแนน ในการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไปเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2566 ขณะที่ 'ศุภชัย โพธิ์สุ' ผู้พ่ายแพ้ได้ที่สอง 30,528 คะแนน โดยเขต 2 จ.นครพนม ถือเป็นเขตที่สู้กันหนักสุดใน จ.นครพนม
เพราะ ‘ศุภชัย’ เป็นถึงแกนนำพรรคภูมิใจไทย
ขณะที่ ‘มนพร’ ถือเป็นแชมป์เก่า สส.นครพนม หลายสมัย ศึกนี้เป็นการประลองกำลังฐานเสียงใหญ่ใน จ.นครพนม ว่า ‘เพื่อไทย’ หรือ ‘ภูมิใจไทย’ ชาวนครพนมจะรักใครมากกว่ากัน
เสร็จศึกเลือกตั้ง 4 เขต จ.นครพนม ‘เพื่อไทย’ คว้าไป 2 เขต ส่วน ‘ภูมิใจไทย’ ชนะไป2 เขต ‘มนพร’ ยังคงรักษาที่มั่นเดิมไว้ได้
'มนพร' ให้สัมภาษณ์ผ่าน #VoicePolitics พร้อมทั้งวิงวอนไปยังสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้คิดถึงประเทศชาติด้วยการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจากเสียงข้างมากที่ชนะเลือกตั้งเพื่อให้มีรัฐบาลประชาธิปไตย
การทำงานอย่างหนักตลอด 4 ปีในสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ในสมัยที่ 'มนพร'เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน เธอต้องคอยทำหน้าที่เป็นวิปให้กับพรรคเพื่อไทย ทุกครั้งที่มีการประชุมเธอจะมาก่อน สส.ในพรรคเสมอ เพราะต้องมาคอยตรวจสอบชื่อ ส.ส.ที่จะต้องลงชื่อหารือความเดือดร้อนให้กับประชาชน
"ดิฉันจึงต้องให้ความสำคัญเวทีสภา เพราะดิฉันเป็นวิปก็จะคอยประสานวิปจังหวัด วิปภาค จะคอยเคี่ยวเข็ญ เขาก็บอกว่าเหมือนครูใหญ่เลยที่ต้องคอยถือไม้เรียว"
อีกทั้งเมื่อย้อนไปในการต่อสู้บนท้องถนนของพี่น้องคนเสื้อแดงเมื่อปี 2552-2553 'มนพร' ยังอยู่เบื้องหลังเป็นกองหนุนที่สำคัญในการสนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดง
'มนพร' เล่าว่า ยังจำภาพติดตาในเหตุการณ์วันกระชับพื้นที่ปะทะกับของฝ่ายทหารกับกลุ่มผู้ชุมนุมคืนวันที่ 10 เม.ย. 2553 ได้ไม่มีวันลืมเลือน
"หลับตาทีไร ตื่นขึ้นมาก็เห็นพี่น้องเสื้อแดง ยังจำศพแรกของวสันต์ ภู่ทอง ที่ถูกยิงที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ธงที่เขามา เสาธงแรกที่เขาถูกยิง สมองกระจาย ตอนนั้นเราเป็นอาสา เข้าไปกอดเอาสมองของคุณวสันต์ ภู่ทอง ได้มาทั้งกลิ่นคาวเลือด ทั้งกลิ่นน้ำตาที่เรายังจำภาพเหล่านั้น เราจะไปอยู่ได้ยังไงกับพรรคที่อยู่ฝ่ายเผด็จการ" มนพร เล่าความรู้สึกออกมาจนเกือบจะหลั่งน้ำตาขณะให้สัมภาษณ์
เริ่มต้น 'มนพร' เล่าถึงเส้นทางการลงสนามการเมืองนั้นเริ่มต้นจากการเมืองท้องถิ่น ด้วยการเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หญิงคนแรกของ จ.นครพนม ในปี 2547 แล้วเป็นนายก อบจ. อีก1สมัย
ต่อมาได้เข้ามา 'มนพร' ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองระดับชาติ ด้วยการลงแทนน นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองในคดียุบพรรคพลังประชาชน ก็มาทำงานให้กับพรรคพลังประชาชนตอนนั้น กระทั่งได้เป็น สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย สมัยแรกเมื่อปี 2554
"เราอยากให้พี่น้องคนยากจนในอีสานหลุดพ้นความยากจนที่ไม่ได้รับโอกาสเหล่านั้น ต้องบอกว่ารัฐบาลที่หยิบยื่นโอกาสเหล่านั้นไปให้คนยากคนจนมีเพียงรัฐบาลเดียว ตั้งแต่พี่เดือนเติบโต คือรัฐบาลสมัยไทยรักไทย สมัยนายกฯ ดร.ทักษิณ ชินวัตร นโยบายนั้นเป็นนโยบายที่ประชาธิปไตยกินได้ ทำให้ประชาชนที่ไม่มีโอกาสเข้าสู่บริการของรัฐ ไม่มีโอกาสได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมเหมือนคนรวยที่อยู่ในชนชั้นในเมืองหรือในกรุงเทพฯ"
"เราเป็นเพียงนายก อบจ. ถ้าเราเป็น ส.ส.เราจะเข้าไปแก้ไขกฎหมายที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นติดขัด เราจะไปแก้กฎหมายที่เอื้อต่อสวัสดิการของพี่น้องประชาชนที่กฎหมายท้องถิ่นไม่สามารถทำได้"
ย้อนไปเมื่อช่วงที่มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง หรือแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงปี 2552-2553 'มนพร' บอกว่า ยุคสมัยรัฐบาลนายกฯ ทักษิณ ถูกกระทำ เราก็ทนไม่ได้ทำไมในเมื่อประชาธิปไตยที่ชาวบ้านกำลังจะอยู่ดีกินดี นักการเมืองคนหนึ่ง นายกฯ คนหนึ่งถูกกระทำจากฝ่ายอำนาจเผด็จการ โดยไม่มีความชอบธรรม เราผ่านกระบวนการเลือกตั้งท้องถิ่นมา ระชาชนหวังว่าเราจะเป็นคนถือธงนำในตอนนั้น
"ดิฉันร่วมทุกกระบวนการทั้ง นปก. นปช. รวมถึงนำพาพี่น้องประชาชนมาต่อสู้กับขบวนการคนเสื้อแดง ซึ่งหลายคนบอกว่าจะเป็น ส.ส.เพราะคนเสื้อแดง ก็เป็นส่วนหนึ่ง พี่เดือนเชื่อว่าจิตวิญญาณและอุดมการณ์ที่เรายืนอยู่บนเวที ของการต่อสู้ พี่น้องประชาชนจดจำภาพเหล่านี้มาจนถึงวันนี้ ผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนต่อสู้ซดกับอำนาจเผด็จการ
'มนพร' เล่าอีกว่า "ดิฉันก็คือกองกำลังที่สนับสนุนให้มีมวลชนคนเสื้อแดงแข็งแรงในทุกเวที พี่เดือนเหมาะเป็นกองกำลังสนับสนุนมีมวลชนมาเติมเวทีทุกๆ ครั้ง ที่มีการชุมนุมคอยดูแลพี่น้องคนเสื้อแดงที่มาร่วมชุมนุมทุกๆครั้ง"
ตอนนั้นยังไม่ขอเป็นวิป อยากไปดูงานกรรมาธิการของการมีส่วนร่วมพัฒนาการเมือง ตอนอยู่คณะนี้ เพราะว่าอยากช่วยคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงที่เสียชีวิตจากการชุมนุุม อยากช่วยให้ญาติพี่น้องเขาสูญเสียคนที่รักให้ได้รับสิทธิประโยชน์เหล่านี้ อยากเข้ามาดูว่าทำไมครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา พี่น้องประชาชนสูญเสียจากการชุมนุมจะดูแลคนเหล่านี้ได้อย่างไรก็เลยขออาสาไปอยู่กรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชนนะค่ะ
ส่วนการเลือกตั้งปี 2562 หนักหนาที่สุดในชีวิตเลยค่ะ อาจเพราะว่าก่อนเลือกตั้งปี 2562 ถูกชักชวนจากพรรคการเมืองอีกพรรคหนึ่ง ชักชวนให้เราไปอยู่พรรคของเขาฝั่งอำนาจเผด็จการ เราก็ปฏิเสธว่าไปไม่ได้ เพราะว่าจากที่เราเติบโตมาจากความเป็นประชาธิปไตย นักต่อสู้จากที่เราเรียน ม.รามคำแหงมาจนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง แล้วจู่ๆจะไปแบบนี้ เพราะเราถูกปฏิวัติมา ไปอีกฝ่ายหนึ่งแล้วยังจะมากับเขา เราตอบพี่น้องประชาชนไม่ได้
"เจาะเลือดมา ดีเอ็นเอไหน เม็ดเลือดไหน หัวใจช่องไหน เราคือยอมไม่ได้กับอำนาจเผด็จการอยู่แล้ว แล้วนี่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมา รอดกระสุน รอดระเบิดมาแล้ว วิ่งหนีรถถังก็เจอมาหมดแล้ว แก๊สน้ำตาก็เจอมาหมดแล้ว จู่ๆ เราจะเอาชีวิตเราทั้งชีวิต หลับตาทีไร ตื่นขึ้นมาทีไรก็เห็นพี่น้องเสื้อแดง ยังจำศพแรกของคุณวสันต์ ภู่ทอง ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตเมื่อเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่ถูกยิงที่หน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ธงที่เขามาเสาธงแรกที่เขาถูกยิง สมองกระจาย ตอนนั้นเราเป็นอาสา เข้าไปกอดเอาสมองของคุณวสันต์ ภู่ทอง ได้มาทั้งกลิ่นคาวเลือด ทั้งกลิ่นน้ำตาที่เรายังจำภาพเหล่านั้น เราจะไปอยู่ได้ยังไงกับฝ่ายเผด็จการ
ติดใจ ฝังใจ ใช่ค่ะ ติดใจฝังใจ เราก็จูู่ๆ นักการเมืองพรรคหนึ่งจะมาบีบคั้นให้เราไปอยู่กับเขาด้วยการเสนอทรัพย์สินเงินทอง เสนออะไรมาก็ช่าง แล้วแถมถูกขู่อีก ถ้าเราไม่ไปอยู่กับเขา เราต้องถูกใบแดง แล้วเขาต้องตามรังแกเราทุกเวทีที่เราปราศรัย เราก็คิดว่าทำไมฉันจะต้องมากลัว เพราะเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนใน จ.นครพนม ที่อยู่ในเขตเลือกตั้งเรายังรักเราอยู่ ยังเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้เราอยู่ แล้วเราจะมากลัวอำนาจนี้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจนี้ หันกลับไปดูพี่น้องข้างหลัง เขาจะอยู่ยังไง
ขนาดเราโดนเท่านี้ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สองนายกฯที่เขาถููกกระทำ แล้วเขาจะอยู่ยังไง เราเป็นตัวแทน สมาชิกพรรคคนหนึ่งจะหนีจากเขา หนีจากพรรค หนีจากผู้คนที่ร่วมอุดมการณ์กับคนเสื้อแดงไปได้อย่างไร
ดิฉันถูถคุกคามมากทั้งโดนเบียด โดนลอบที่จะทำร้ายในเวทีระหว่างการเดินทางถูกกลั่นแกล้งทุกเวทีที่ปราศรัยตามหมู่บ้าน ถูกรังแกจากคนของเราทุกหมู่บ้าน ถูกขู่ฆ่า ถูกคนให้ไปรังแกว่าห้ามช่วยคนนี้นะ ช่วยเบอร์นี้นะ จนทีมงานในหมู่บ้านออกปากว่าครั้งนี้เขาขออยู่เฉยๆได้ไหม เพราะจะช่วยเราไม่ได้นะ เพราะลูกเมียเขาถูกรังแก ถูกขู่จากอำนาจรัฐ เขาก็มาบอกเราตรงๆ พี่เดือนก็บอกว่าไม่ได้ ถ้าคิดแบบนี้ เขาต้องกลัวต้องมีคนมาขู่ พวกคุณเป็นใคร ฉันยังสู้ ฉันไม่ได้คำนึงต้องเจออะไร ลุกขึ้นมาสู้กับพวกเรา แล้วคุณจะหนีไปในขณะที่วันเลือกวันหย่อนบัตรยังมาไม่ถึงเลย คุณจะไปกลัวทำไม
ดินแดนนครพนมเป็นดินแดนแห่งนักต่อสู้จากท่านไขแสง สุกใส อดีต สส.นครพนม อดีตคนเดือนตุลา ดิฉันเชื่อว่าจากที่พวกเราร่วมทุกข์ร่วมสุข ทุกเวทีม็อบที่ร่วมแบกกันหมด ตะวัน กลางคืน แดดออก ฝนตก ภายใต้ร่มคันเดียวกัน ฟ้าเดียวกัน เราไม่เคยทิ้งเขา เมื่อวันหนึ่งที่เราเลือกตั้งต้องสู้กับอำนาจรัฐ เขาไม่เคยทิ้งเรา
ตอนปี 2562 ยาก เพราะถูกอำนาจเผด็จการ อำนาจทหาร อำนาจนอกเผด็จการ นั่นคือการต่อสู้ที่แลกด้วยชีวิตด้วยความเสี่ยงที่ทุกเวทีที่เราไปปราศรัย แต่พอมาต่อสู้ในปี 2566 กับท่านอดีตรองประธานสภาฯ คนที่2 ท่านศุภชัย โพธิ์สุ ท่านเองได้ย้ายเขตมาลงชนกับดิฉัน ท่านก็หวังว่าจะกวาดที่นั่งของพรรคภูมิใจไทย และหวังจะโค่นดิฉันในเขตเลือกตั้งนี้
แต่ดิฉันเชื่อมั่นตลอดเวลาการทำงานในสภาผู้แทนราษฎร ทำงานให้กับพรรคให้กับสภา นักการเมืองที่ดี ส.ส.ที่ดีต้องทำงาน 3 ประสานคือ หนึ่งทำงานในสภา สองทำงานให้พรรค สามทำงานให้กับประชาชนในพื้นที่ ถ้าคุณทำงาน 3 ภารกิจนี้ก็เชื่อว่าประชาชนจะไม่ทิ้งเรา
"ดิฉันสู้กับท่านศุภชัย หนักมากๆค่ะ หนักยิ่งกว่าปี 2562 แต่ดิฉันมีเพียงพี่น้องประชาชน คนยากคนจนในพื้นที่เท่านั้นที่ผ่านมาประชาชนบอกพี่เดือนว่ายังไงก็ไม่ทิ้ง วันเลือกตั้งก็ผลคะแนนออกมาก็ไม่ทิ้งเราจริงๆ"
ถามว่างานหนักไหม เนื่องจากงานหนักมาก หนักมาก เพราะเวทีของ ส.ส.ฝ่ายค้าน เนื่องจากไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือการเป็นรัฐบาล การพิจารณางบประมาณลงไปในพื้นที่ ไม่มีรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่สนับสนุนส.ส. พี่เดือนต้องให้ความสำคัญเวทีสภา เพราะพี่เดือนเป็นวิปก็จะคอยประสานวิปจังหวัด วิปภาคเคี่ยวเข็ญ เขาก็บอกว่าเหมือนครูใหญ่เลยที่ต้องคอยถือไม้เรียว ตื่นเช้ามาก็เช็ค หนึ่ง วันอังคารประชุมพรรค ประชุมวิปเอาผลวิปไปประชุมพรรค ประชุมพรรควันอังคาร เช้าวันพุธต้องมาก่อนเพื่อน เพราะต้องมาเช็ค ส.ส.ที่มาลงชื่อหารือไว้ ลงชื่อหารือเสร็จต้องดูว่ามีกฎหมายไหนเข้าสู่สภา เตรียมคนอภิปรายในสภา ดูสัดส่วนฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลอภิปรายเท่าไร ขณะที่เตรียมสมาชิกเตรียมอภิปราย ไม่ใช่เตรียมอย่างเดียว พรรคจะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยสนับสนุนข้อมูลอภิปราย
ในพรรคเพื่อไทยมึคนอยู่ 3 รุ่น รุ่นหนุุ่มสาว รุ่นวัยกลางคน รุ่นอาวุโส การผสมผสานคน 3 รุ่นนี้ด้วยกัน พี่เดือนจะเป็นเหมือนรอยต่อ ข้อขอเกี่ยวให้คน 3 รุ่นเข้ามาเป็นองคาพยพในการทำงานให้กับพรรค พี่เดือนก็ภูมิใจน้องๆ หลายคนเขาแข็งแรงขึ้นสามารถลุกขึ้นอภิปรายในสภาฯ ไม่เคอะเขิน
วันนี้ที่ผ่านมา ถามว่าสภาเสื่อมเสียจากใคร ก็จากตัว ส.ส.ไม่ได้จากภาพของข้างนอกเลย สังคมเขาคนทั้งประเทศมองส.ส.ในสภาจะทำประโยชน์อะไร แต่คุณกลับมองว่าขายตัว ส.ส.หลายคนมองว่าที่ผ่านมาสภาฯเหมือนตลาดวัว ตลาดควายก็สมเขาพูดไหมล่ะ ก็คุณไปขายตัวให้เขา แล้ววันนี้เขามาดูถูกสภา ดูแคลนสภาผู้แทนราษฎร
กังวลไม่ใช่ไม่กังวลนะคะ วันนี้ไปถามหลายท่าน หลายท่านก็บอกว่า จากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ห่าฝนเยอะมาก พอห่าฝนเยอะมากก็เป็นเหตุแห่งแรงจูงใจหรือไม่ว่า เมื่อก่อนเป็นกับหลังเป็น ราคามันต่างกัน ก่อนเป็นไม่ได้ราคาเท่าไร พอหลังเป็น ส.ส.ราคามันสูง ก็เลยบอกว่าจะมีอีกแล้วหรอ
มันไม่ใช่สภาปริ่มน้ำ ใช่จะมีอีกแล้วเหรอ อย่างการโหวตเมื่อเช้าก็มีเสียงเหล่านี้เล็ดลอดมา พี่เดือนก็ไปถามซีกโน่นนะคะ จะมีอีกแล้วหรอ จะมีอีกแล้วเหรอซึ่งหมดสมัยไปแล้ว บุคคลเหล่านั้นก็ไม่สามารถกลับเข้ามาสภาอีกสักคนเลย ที่ ส.ส.บางคนไปขายตัว ที่ดูชื่อแล้วไม่ได้กลับมายังจะมีสร้างวัฒนธรรม ขอพูดว่าวัฒนธรรมที่แย่มากๆ
"ดิฉันก็ไปถามเขาว่ามีเท่าไร จะซื้อวันนี้ราคาพาร์เท่าไร เขาก็ไม่ได้บอกตัวเลขมา ณ วันนี้ เพราะเสียงประชาธิปไตยในการโหวตประธานและรองประธานสภาเราชนะอยู่แล้ว แต่ถามว่ามีความพยายามไหม พี่เดือนว่ามีความพยายามนะ เพราะถ้าไม่มีความพยายามเสียงเหล่านี้จะไม่เล็ดลอดออกมา"
ไม่ได้รู้มาก่อน จู่ๆมีข่าวว่าทางผู้ใหญ่น่าจะให้พี่เดือนเป็นแคนดิเดต ลองดูมติพรรค พี่ๆน้องๆเป็นไง เมื่อเข้าสู่ที่ประชุมพรรค ถ้าเป็นแคนดิเดต 2 คน แต่พรรคเพื่อไทยได้ 1 ที่นั่งคือท่านประธาน อาจารย์วันมูหะมัดนอร์ มะทา รองคนที่หนึ่งจากพรรคก้าวไกล ถ้าจะเป็นรองประธานสภาฯ คนที่สองจะได้ 1 ที่นั่ง ดิฉันมองว่าแล้วแต่มติที่ประชุม เรามาดูความอาวุโส ท่านพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย มีความอาวุโสกว่า 5 สมัยกว่าพี่เดือน พี่พิเชษฐ์ก็ทำงานหนักให้กับสภาฯ ให้กับพรรค ซึ่งเหมาะสมแล้ว
คงเป็นความฝันของนักการเมืองหลายคน หนึ่งความฝันเราได้อยู่นิติบัญญัติแล้ว เราเป็น ส.ส.แล้วจะมีโอกาสความฝันเรานั่งบริหารกระทรวงทำงานที่จะเป็นช่วยพี่น้องประชาชนในรูปแบบของการบริหารกระทรวง ก็เป็นความฝันของ สส.บ้านนอกคนหนึ่ง เป็น สส.แล้วอยากเป็นรัฐมนตรี เป็น สส.แล้วคนนี้เป็นประธานสภา ก็อยากเป็นรองประธานสภา เมื่อเราเป็น สส.แล้วอยากเป็นประธานกรรมาธิการ มันก็มีทุกความฝัน แต่ความฝันจะเป็นจริงได้หรือไม่ ต้องหันกลับมาถามตัวเองก่อนว่าเราทำงานหนักไหม ทุ่มเทเสียสละให้สภาไหม เราทุ่มเทเสียสละรักพรรคไหม เราอยู่ในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนไหม ก็สำคัญ
พี่เดือนรักพรรค เพราะว่าพรรคคือบ้าน พรรคเลือกคน ประชาชนเลือกพรรค ตั้งแต่เราอยู่ไทยรักไทย มาพลังประชาชน มาจนเป็นพรรคเพื่อไทย ดิฉันเชื่อว่าพายุฝนจะมากี่ห่าฝน จะลมแรงแค่ไหนประตูหน้าต่างเปิดบ้างปิดบ้าง โดนพายุหนักแค่ไหน พี่เดือนจะอยู่กับพรรคนี้ พรรคนี้คือบ้านหลังใหญ่ บ้านแห่งความเป็นประชาธิปไตย
เป็นความฝันอีกความฝันหนึ่งนะคะที่มีโอกาสอยากจะไปเป็นรัฐมนตรี เหมือน สส.ที่มีโอกาสหลายท่าน แต่โอกาสเหล่านั้นจะมาถึงหรือไม่ พี่เดือนก็ยังไม่ทราบ แต่พี่เดือนเชื่อว่าวันหนึ่งที่เราได้ทำงานหนัก การที่เราไม่เรียกร้องอะไร พรรคก็จะมองเห็นเรา แสงเกิดขึ้นที่ตัวเรา ไม่มีใครสามารถเอาไฟฉายมาสาดแสงให้เราได้ แสงเกิดจากการทำงาน แสงเกิดจากความไว้วางใจที่ผู้ใหญ่ของพรรค หรือพี่น้องประชาชนมอบหมายมาให้เราได้ทำงาน
อยากจะวิงวอนสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หลายท่าน ถึงแม้ว่าจะมาจากการแต่งตั้ง แต่ สว.เป็นตัวแทนของคนทุกกลุ่มทั้งประเทศ อยากจะให้บ้านเมืองขับเคลื่อนไปด้วยระบอบประชาธิปไตยแล้วจะเป็นบรรทัดฐานให้ประชาคมโลกว่าประเทศไทยเมื่อเรายอมรับเสียงข้างมากด้วยการชนะเลือกตั้งเราควรโหวตให้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง วันนี้แม้กระทั่งประธานสภาฯ พรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลมองใครที่เหมาะสม พรรคก้าวไกลก็ถอยหนึ่งก้าว
พรรคเพื่อไทยก็ถอยหนึ่งก้าวแล้วก็ไปเชิญ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นพรรคมี 9 เสียงให้ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ นี่คือทางออกประเทศไทย แล้วเหตุไฉน สว.จะไม่ร่วมกันหาทางออกเปิดประตูประเทศไทยสู่ประชาคมโลกแล้วจับมือกันพัฒนาความเป็นประชาธิปไตยในระบบรัฐสภานำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางสังคมที่มีความขัดแย้งหลายปี
วสันต์ ภู่ทอง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ในเหตุการณ์ชุมนุม นปช. เมื่อปี 2553 ที่ถนนดินสอ หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา เดิมมีอาชีพรับจ้าง / ช่างเย็บผ้า สาเหตุการเสียชีวิต ถูกยิงที่ศีรษะและขา โดยขณะเสียชีวิต วสันต์กำลังยืนถือธงชาติไทยและร่วมผลักทหารไม่ให้เข้ามาในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เขาถูกยิงด้วยกระสุนปืนความเร็วสูงไม่ทราบชนิดเข้าบริเวณศีรษะด้านซ้าย ส่วนหลังบนทะลุกะโหลกศีรษะและตัดเนื้อสมอง กระสุนทะลุออกด้านหน้า
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2558 ศาลระบุว่าจากการเบิกความทั้งตำรวจสังเกตการณ์และผู้ร่วมชุมนุม ไม่มีใครเห็นบุคคลที่ใช้อาวุธยิงผู้ตายทั้ง 3 คน ศาลจึงมีคำสั่งว่าไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือ หรือไม่ทราบว่าวิถีกระสุนที่ยิงทั้ง 3 คนว่ามาจากทิศไหน
แม้ก่อนหน้านี้ศาลอาญากรุงเทพใต้จะมีคำสั่งไต่สวนเมื่อ ก.ย. 2556 ว่าการตายของบุคคลทั้งสามมาจากวิถีกระสุนปืนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ขณะถอยร่นจากแนวป้องกันบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยาไปยังบริเวณซอยข้างวัดบวรนิเวศ ใกล้แยกสะพานวันชาติ แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
ชมคลิป : 'มนพร เจริญศรี' ครูใหญ่ฝ่าย สส.เพื่อไทย ดีเอ็นเอไม่ยอมเผด็จการ
https://www.youtube.com/watch?v=Ko9RhH_GDzk
มนพร เจริญศรี ครูใหญ่ฝ่าย ส.ส.เพื่อไทย ดีเอ็นเอไม่ยอมเผด็จการ - #TheDailyDose
ข่าวที่เกี่ยวข้อง