ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลคิกออฟ ค้นหาเด็กช้างเผือก รับทุน ODOS รอบ 1 ครอบคลุม 602 สถานศึกษาสาย STEM เสนอชื่อ ภายใน 4 ก.ค. 68 เพิ่มโอกาสลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ช่วยเด็กเก่งแต่ขาดโอกาส

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ณ ห้องประชุมราชวัลลภ ชั้น 2 กระทรวงศึกษาธิการ ดร.ธีราภา ไพโรหกุล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาฯ เป็นประธานการประชุมชี้แจงสถานศึกษา ผ่านระบบ Teleconference เกี่ยวกับการรับสมัครนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 3 “โครงการทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศ (Outstanding Development Opportunity Scholarship: ODOS)” ระดับปริญญาตรี

ดร.ธีราภา กล่าวว่า โครงการนี้เป็นหนึ่งในนโยบายที่ รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะกลไกลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและการสร้างกำลังคนคุณภาพที่ประเทศต้องการในระยะยาว โครงการ ODOS ได้รับมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนที่ เก่งแต่ขาดโอกาส ได้มีช่องทางเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะใน สาขา STEM ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งรัฐบาลเปิดโอกาสให้นักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสศึกษาต่อได้ตั้งแต่สำเร็จการศึกษาภาคบังคับจนสำเร็จการศึกษาระดับ ม.ปลาย/ปวช. - ป.ตรี รวม 7-8 ปี ทั้งในและต่างประเทศได้เต็มศักยภาพสุดความสามารถ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศที่มีเด็กช้างเผือกจำนวนมากกว่า 20,000 คน ที่หลุดออกจากระบบการศึกษาหลังสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ

ดร.ธีราภา กล่าวว่า รัฐบาลตั้งเป้ามอบทุนรวม 7,200 ทุน ในช่วงปีงบประมาณ 2568 – 2576 แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

- ทุนระดับมัธยมปลาย/ปวช. ในประเทศ จำนวน 4,800 ทุน (ดำเนินการโดย กสศ.)

- ทุนระดับ ปวส. และปริญญาตรีในต่างประเทศ จำนวน 200 ทุน (ดำเนินการโดย สำนักงาน ก.พ. โดยมีประเทศปลายทาง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย)

- ทุนระดับปริญญาตรีในประเทศ จำนวน 2,200 ทุน (ดำเนินการโดย สป.อว. ผ่านระบบ TCAS)

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า โครงการ ODOS เคยดำเนินการมาแล้วในอดีต และแม้จะมีเป้าหมายที่ดี แต่ก็พบปัญหาและอุปสรรคหลายประการ อาทิ การคัดเลือกผู้รับทุนที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ขาดโอกาสจริง นักเรียนขาดการเตรียมความพร้อมด้านภาษาและสุขภาพจิต ทำให้ไม่สามารถปรับตัวกับการเรียนและการใช้ชีวิตในต่างประเทศได้ แลพขาดระบบติดตามที่ต่อเนื่อง และข้อผูกพันในการกลับมาทำงานเพื่อพัฒนาประเทศอย่างชัดเจนในการกลับมาครั้งนี้ เราได้เรียนรู้จากบทเรียนเหล่านั้น และออกแบบโครงการใหม่ให้รอบคอบและครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในเรื่อง เกณฑ์คัดเลือกที่โปร่งใส การเตรียมความพร้อมด้านภาษาและทักษะชีวิต ระบบดูแลระหว่างศึกษา รวมถึงข้อผูกพันที่ชัดเจนในการกลับมาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในภูมิภาค เราเชื่อมั่นว่า โครงการ ODOS รุ่นใหม่นี้ จะเป็น “สะพานของโอกาส” ที่พาเด็กช้างเผือก เดินข้ามความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาไปสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศ

“สำหรับรุ่นแรกที่จะเริ่มเปิดรับสมัครในปีนี้ เวลาที่เรามีค่อนข้างกระชั้นชิด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กระบวนการคัดเลือกจะต้อง รวดเร็ว แม่นยำ และเป็นธรรม ซึ่งบทบาทของ สถานศึกษา นั้นจึงสำคัญมาก เพราะครูและผู้บริหารโรงเรียนคือผู้ที่รู้จักนักเรียนดีที่สุด และมีส่วนอย่างยิ่งในการส่งต่อโอกาสนี้ไปยังเด็กที่เหมาะสม”


ด้าน ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. กล่าวว่า โครงการทุน ODOS เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงาน กพ. และ กสศ. ซึ่งจะนำรูปแบบการทำงานในอดีตมามาปรับปรุงพัฒนาในโครงการนี้อย่างรัดกุมทุกมิติ  สำหรับเกณฑ์การพิจารณาในรุ่นที่ 1  ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการสรรหาและคัดเลือกผู้รับทุนการศึกษาเพื่อขยายโอกาสและพัฒนาประเทศการคัดเลือกผู้มีสิทธิรับทุนการศึกษา เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบให้นักเรียนจากครัวเรือนยากจน และยากจนพิเศษ ได้รับการพิจารณาเป็นลำดับแรก แต่หากโรงเรียนใดไม่มีนักเรียนในกลุ่มดังกล่าว จึงจะพิจารณานักเรียนจากครัวเรือนที่มีรายได้เกินเกณฑ์ตามลำดับ นอกจากนี้ต้องเป็นนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสะสม 3.00 ขึ้นไป มีความประพฤติดี มีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งกายและจิตใจ ที่สำคัญคือผู้ปกครองยินยอมให้นักเรียนที่ได้รับทุนเดินทางไปศึกษาต่อได้ทั้งในและต่างประเทศ

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้จัดทำบัญชีรายชื่อสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม (SMTE) และด้าน STEM และภาษาอังกฤษ ครบจำนวน 602 แห่ง โดยสถานศึกษาตามบัญชีนี้ สามารถเสนอชื่อนักเรียนของแต่ละแห่งไม่เกิน 2 คน         

ดร.ไกรยส กล่าวว่า สำหรับรายชื่อนักเรียนที่ได้รับทุน ODOS รุ่นแรก จะมีการประกาศในเดือนกันยายน 2568 โดยจะมีนักเรียนจำนวน 100 คนที่ได้รับคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อยัง 3 ประเทศที่ สกพ. กำหนดได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย โดยเฉพาะในกรณีของประเทศออสเตรเลียจะเน้นสำหรับเด็กสายอาชีพ ส่วนเด็กสาย STEM+ จะถูกส่งไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรส่วนผู้ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกให้ไปศึกษาต่อต่างประเทศจะยังคงได้รับโอกาสทางการศึกษาโดยจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รวมถึงจากสลากการกุศล เพื่อให้สามารถศึกษาต่อในสาขา STEM กับมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยได้

ทุน ODOS ของรัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ ที่ช่วยปิดช่องว่างสำคัญในเส้นทางการศึกษาของเด็กยากจน จากรายงานความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาของกสศ. พบว่า ในปีการศึกษา 2567 มีนักเรียนยากจนและนักเรียนยากจนพิเศษ จำนวนเพียง 22,345 คน จากนักเรียนทั้งหมด 165,585 คน หรือคิดเป็น 13.49% เท่านั้น ที่สามารถคงอยู่ในระบบการศึกษาจนสามารถเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอัตราการเรียนต่อระดับอุดมศึกษาของประชากรไทยกว่า 2 เท่า

นี่คือโจทย์สำคัญที่ กสศ. ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ผลักดันการสร้างหลักประกันโอกาสทางการศึกษาให้เด็กเยาวชนตลอด 20 ปี จากปฐมวัยถึงมีงานทำ ผ่านการบูรณาการข้อมูลรายบุคคล เพื่อให้เกิดการรัฐบาลคิกออฟ ค้นหาเด็กช้างเผือก รับทุน ODOS รอบ 1 ครอบคลุม 602 สถานศึกษาสาย STEM เสนอชื่อภายใน 4 ก.ค. 68 เพิ่มโอกาสลดเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ช่วยเด็กเก่งแต่ขาดโอกาส

ทั้งนี้ สำหรับทุน ODOS เปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน - 4 กรกฎาคม 2568 ทางเว็บไซต์ของ กสศ www.uat-scholarshipreg.eef.or.th สามารถ โทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-0795457 ต่อ 11 ไม่เว้นวันหยุดราชการ