ฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดของ โครงการบ้านล้านหลัง เฟส 2 กรอบวงเงินรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท ให้กู้สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาท โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำ 1-4 ปีแรก เท่ากับ 1.99% ต่อปี ระยะเวลาการกู้สูงสุด 40 ปี สามารถเลือกการผ่อนชำระได้ 2 ทางเลือก กรณีกู้ 1.2 ล้านบาท ทางเลือกที่ 1 ผ่อนชำระเงินงวดคงที่ 1-4 ปีแรก อยู่ที่ 3,900 บาทต่อเดือน ทางเลือกที่ 2 ผ่อนชำระคงที่ 7 ปีแรก อยู่ที่ 5,000 บาทต่อเดือน ซึ่งธนาคารเตรียมจะเสนอให้คณะกรรมการธนาคารพิจารณา หากเห็นชอบธนาคารจะเร่งนำส่งให้กระทรวงการคลังเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกำหนดระยะเวลาเริ่มดำเนินโครงการต่อไป
สำหรับการปล่อยกู้โครงการบ้านล้าน เฟสแรก ปล่อยกู้ไปแล้ว 35,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านราคา 1 ล้านบาท ในปี 2564 กำลังซื้อของผู้มีรายได้น้อยและรายได้ปลายกลางมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เอื้ออำนวยการในซื้อบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะแนวโน้มดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี และยังคาดว่าดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับนี้ไปอีก 2-3 ปี ขณะเดียวกันภาครัฐก็ช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการลดภาษีการโอนและการจดจำนองให้ ความสามารถในการชำระหนี้ก็มีแนวโน้มทางดี
ทั้งนี้ ธอส.เตรียมขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้แก่ลูกค้าเดิมที่เคยอยู่ในมาตรการปี 2563 โดยภายหลังจากปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เพื่อขยายความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2564 มีลูกค้าเข้าร่วมมาตรการทั้งสิ้น 117,765 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 112,694 ล้านบาท โดยมีลูกค้าถึง 103,587 บัญชี คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือ 98,128 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ที่มีสถานะการผ่อนชำระเงินงวดได้ตามเงื่อนไขของมาตรการ แต่กว่า 90% ผ่อนชำระค่างวดเพียง 25% ของเงินค่างวดปกติ ดังนั้นจะมีการพิจารณาปรับโครงการหนี้ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มเติมหลังสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 31 ธ.ค. 2564 เช่น ให้จ่ายค่างวดเพียง 50% จากที่จะต้องปรับขึ้นเป็น 100% ตามปกติ หรือเปิดให้มีการกู้ร่วมได้
ขณะเดียวกัน ธอส.ยังได้ทยอยตั้งสำรองสูงถึง 100,502 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบจากโควิด-19 ในอนาคต หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL สูงถึง 183% ที่ปัจจุบัน NPL จำนวน 54,857 ล้านบาท คิดเป็น 4.07% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2563 ซึ่งมี NPL อยู่ที่ 47,572 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.60% ของสินเชื่อรวม