ไม่พบผลการค้นหา
'กัณวีร์' ชวนคนไทยร่วมลงชื่อปลดปล่อยชาวอุยกูร์ ถูกขังลืม 10 ปีในห้องกัก ตม. เผยถ้าเป็นรัฐบาลจะรีบทำทันทีเพราะเป็นอำนาจอธิปไตยของไทย และรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ หลังมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 5 ราย

วันที่ 12 มี.ค. 2567 กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงสถานการณ์ชาวอุยกูร์ ที่ถูกกักขังในห้องกักสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย อีก 48 คน เป็นเวลา 10 ปีแล้ว โดยเห็นว่าเวลา 10 ปีของคนทั่วไปอาจดูแล้วรวดเร็ว เพราะเปลี่ยนหน้าที่การงานไปบ้าง เช่นตนเองซึ่งเมื่อ 10 ปีก่อนทำงานที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้พยายามช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จนปัจจุบันได้มาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่ 10 ปีของชาวอุยกูร์ เกือบ 50 คน ยังไม่ทราบชะตากรรมว่าจะได้รับอิสรภาพวันไหน แม้ถูกลงโทษแล้ว ต้องรอการส่งกลับตามกฎหมายไทย แต่ส่งกลับไม่ได้ เพราะรัฐบาลไทยไม่ดำเนินการ

"ชาวอุยกูร์ เกือบ 50 คนนี้ ไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นมนุษย์ ไม่มีการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนที่มองคนเป็นหลัก ผมเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศต้นกำเนิดสำคัญ แต่ชีวิตคน 1 ชีวิตมีความหมาย ในปีที่ผ่านมามีชาวอุยกูร์ที่เสียชีวิตไปแล้ว เกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ภรรยาไปตั้งถิ่นฐานใหม่ ลูกไม่เคยเห็นหน้าพ่อ ภรรยาไม่เคยเห็นหน้าสามี มันน่าเศร้าใจที่พวกเขาไม่มีโอกาสพบกัน จึงต้องถามว่าเรามองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์กันหรือไม่ มองการแก้ปัญหาว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้ออกมาจากห้องกัก ตม.ได้หรือไม่"

กัณวีร์ กล่าวว่า ตนเองไม่โทษส่วนราชการที่มีหน้าที่ ทั้ง สมช. ที่ต้องกักตัวไว้จนกว่าจะแก้ไขปัญหา แต่ในเมื่อส่งกลับไม่ได้ ส่งไปตั้งถิ่นฐานใหม่ก็ไม่ได้ การผสมกลมกลืนในประเทศที่ขอลี้ภัย จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีในเวลานี้ แม้จะไม่สามารถขอลี้ภัยในไทยไดั แต่ในช่วงที่เปลี่ยนผ่าน เราต้องทำให้สอดคล้อง กัน และหากเราสามารถตรากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ลี้ภัยได้ทำให้ยืนอยู่อย่างสง่าผ่าเผย เพราะเป็นสูญญากาศทางกฎหมาย ต้องเอาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มาเป็นตัวตั้ง

"เราได้ลงนาม 7 หน่วยงาน ที่สามารถให้ทางเลือกจากการกักขังคุมขัง ถ้าผมมีอำนาจจะเคาะทันที เอาพวกเขาออกมาจากห้องกักก่อน ในเมื่อไม่สามารถหาแนวทางแก้ไขได้ ไม่สามารถส่งไปตั้งถิ่นฐานได้ ซึ่งตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ม.17 ให้คนที่เกี่ยวข้องสามารถอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว ระหว่างรอการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน พวกเขามีศักยภาพในการมีชีวิต ในการพัฒนา เราสามารถให้พวกเขาได้ทำประโยชน์ได้"

กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า ถ้าตนเป็นรัฐบาลจะคุยกับประเทศจีนโดยตรง เพราะนี่คืออธิปไตยของไทย ที่มีอยู่เหนือทุกคนในไทย เราจะแก้ปัญหาไม่ให้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ทางการทูต เราต้องกล้าหาญ ทำงานเชิงรุก มองเห็นประโยชน์ของประชาชน มนุษย์ในโลกนี้ เราจะเป็นมนุษย์ที่ดีของประชาคมโลกได้อย่างไร ถ้ายังผิดต่อสิทธิพื้นฐานความเป็นมนุษย์ 

ส่วนกรณีมีการกล่าวอ้างว่ากลุ่มนี้เป็นอาชญากร นายกัณวีร์ เห็นว่าถ้าเป็นกลุ่มอาชญากร ก็ต้องนำข้อมูลมาให้ไทย ถ้าเคยกระทำผิดกฎหมาย ต้องให้ข้อมูลทางการไทยตรวจสอบ เพราะเป็นอธิปไตยของไทย ไม่ใช่ของจีน ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องสอบสวน ใครเคยกระทำผิด ก็บอกไทยให้สืบสวน ต้องมานั่งคุยว่าปัญหาอยู่ตรงไหน กฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยผู้ลี้ภัย ก็ระบุว่าถ้าทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้สถานะผู้ลี้ภัย การทำผิดก็ต้องไม่ได้รับการยกเว้น ถ้าไม่ใช่อาชญากร จำเป็นต้องได้รับอิสรภาพ ไม่เช่นนั้นจะกักขังเขาไว้ เป็นร้อยปี จนเสียชีวิตกันหมดไม่ได้

"เหตุผลที่ผมมาเป็นนักการเมือง เรื่องหนึ่งคือชาวอุยกูร์ ที่เคยยื่นผ่านคณะกรรมาธิการฯไว้เมื่อ 2 ปีก่อน มาตอนนี้เป็น สส.แล้วก็อยากทำให้สำเร็จ ซึ่งภาคประชาสังคมจะยื่นผ่าน คณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ความมั่นคงแห่งรัฐ​ และ ต่างประเทศ ในวันที่ 14 มีนาคมนี้ "

กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า หากไทยไม่แก้ปัญหานี้ ยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง จะไม่สามารถได้รับการยอมรับในการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้ และขอให้คนไทยมั่นใจว่าชาวอุยกูร์ เหล่านี้ไม่ใช่ผู้ลี้ภัยที่ตั้งใจมาอยู่ในประเทศไทยแต่แรก แต่พวกเขาเดินทางผ่านประเทศไทยไปประเทศอื่น จึงไม่ต้องห่วงว่าจะสร้างปัญหา และไม่มีผู้ลี้ภัยคนใดที่อยากลี้ภัย 

กัณวีร์ กล่าวด้วยว่า อยากเชิญชวนคนไทยร่วมลงชื่อเพื่อช่วยปลดปล่อยชาวอุยกูร์ ออกจากห้องกัก ตม.ของไทย ที่ถูกขังลืมมา 10 ปีแล้ว อย่าปล่อยให้พวกเขาต้องตายไปทีละคน เพราะนั่นคือสิ่งที่คนไทยเราจะช่วยกันคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ให้ชาวอุยกูร์ และเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อยู่ห้องกัก ตม. มา 10 ปี ร่วมลงชื่อกับมูลนิธิสิทธิเพื่อสันติภาพ ได้ที่


https://www.change.org/10yearstoolong