พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.ระยอง ตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน หรือ EOC กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด-19 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา เปิดทางหลวงระหว่างเมือง พัทยา-มาบตาพุด พบผู้ประกอบการท่องเที่ยว และชาวประมง ก่อนประชุม ครม. สัญจรพรุ่งนี้ (25 ส.ค. 2563)
สนามบินอู่ตะเภาเป็นสนามบินที่รองรับชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งผู้โดยสารทุกคน ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงระบบคัดกรองด้านสุขภาพ จากเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จากนั้นจะมีรถมารับเพื่อเข้ากักตัวในสถานที่กักกันของรัฐ เป็นเวลา 14 วัน และจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นระยะ
ทั้งนี้ มีชาวจังหวัดระยองมามอบดอกไม้ให้กำลังใจและชูป้ายข้อความระบุว่า ขอบคุณนายก ที่เสียสละปกป้องชาติและประชาชนให้อยู่รอดปลอดภัย แก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อนแก้รัฐธรรมนูญ โดยนายกรัฐมนตรี บอกว่า "ขอบคุณชาวระยองที่มาให้กำลังใจ เราทุกคนถือเป็นคนไทยด้วยกันทุกคน ต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นประเทศไปไม่รอด"
ด้านสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความมั่นใจว่าการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรง แต่อาจจะมีการแสดงออกบ้างเล็กน้อยถือเป็นสิทธิ ซึ่งรัฐบาลจะพยายามทำความเข้าใจและในฐานะที่เป็นคนระยองต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี แสดงออกด้วยความสร้างสรรค์ พร้อมรับประกันว่า จะไม่เกิดเหตุความรุนแรงขึ้น
ส่วนการลงพื้นที่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานหัวหน้าคณะก้าวหน้า เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นจุดที่นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ สาธิต กล่าวว่า จะเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เป็นสิทธิของธนาธร แต่เท่าที่ทราบมีการไปรับฟังความเห็นของประชาชนทำความสะอาดชายหาด และเปิดสาขาพรรค ซึ่งตนเห็นว่า หากเป็นการทำเรื่องที่ดีให้กับชาวระยองก็ไม่เป็นปัญหา
เปิดมอเตอร์เวย์ สาย 7 ช่วงต่อขยายพัทยา-มาบตาพุด
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานเปิดการใช้งานโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา–มาบตาพุด เชื่อมต่อการคมนาคมเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งที่ตนอยากพูดให้ทุกคนคิดไปข้างหน้า ซึ่งระยะเวลาการสร้างเส้นทางนี้แม้ไม่กี่กิโลแต่ใช้ระยะเวลานาน ซึ่งระยะเวลาเปรียบเสมือนส่งผ่านส่งต่อไปเรื่อย ๆ ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีแม้ไกลไป แต่ถือเป็นวิสัยทัศน์ในวันข้างหน้า การสร้างถนนนี้ไม่ใช่เพื่อคนรวย หรือธุรกิจก่อสร้าง แต่เป็นการคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนผู้ใช้ทาง การที่คนแยกกันพูดแยกกันอธิบายก็เป็นเรื่องลำบาก ซึ่งวันข้างหน้าอาจทีการเปลี่ยนแปลงแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็ต้องคิดแบบนี้ ไม่ว่าใครการทำงานทุกอย่างไม่ใช่รัฐบาลทำคนเดียวได้ แต่ต้องอาศัยทุกภาคส่วนร่วมมือกัน เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครใช้สิ่งเหล่านี้มาสร้างความขัดแย้ง
โดยนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า อย่าให้ใครมาว่าแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีนั้นโบราณ เพราะเหมือนตนอยู่มา 20 ก็เพราะคนเมื่อ 20 ปีก่อนคิดวางแผนไว้ หลายอย่างเริ่มดีขึ้นต้องร่วมกันคิดว่าจะทำอย่าไร หากต้องการเงินเยียวยาอย่างเดียวคงไม่พอ ตนยอมรับว่าปัจจุบันเศรษฐกิจแย่ แต่ไม่ใช่แย่เฉพาะไทย ตนไม่โทษใคร แต่ต้องทำความเข้าใจ ว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศเกิดเสถียรภาพ ความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศอื่นๆ
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้เป็นประธานการประชุมแม่โขงล้านช้าง ร่วมกับ 6 ประเทศ ซึ่งมีการตกลงช่วยเหลือกันในหลายเรื่อง นี่คือประเทศไทย แผ่นดินที่เหยียบย่ำอยู่ทุกวันนี้ หากไม่ทำเพื่อพวกเราแล้วจะทำเพื่อใคร ใครจะชอบหรือเกลียดไม่เป็นไร ประเทศชาติสำคัญที่สุดในตอนนี้เพราะสถานการณ์โควิด -19 กำลังระบาดอยู่ ไม่เช่นนั้นก็จะถอยหลังกลับไปอีกเหมือนเดิม ไม่ชอบตนก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ขอให้ไปหาวิธีการที่เหมาะสม ซึ่งสิ่งที่ทำให้ทุกจังหวัดนั้นเกิดความเท่าเทียมกันนั้น คือ ถนนและเส้นทาง คือการเข้าถึงโอกาสแห่งความเท่าเทียม การดูแลผู้มีนายได้น้อยคือการสร้างความเป็นธรรม ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องช่วยกัน
สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ไม่มีใครต้องการให้เกิด ไม่มีใครเชื้อเชิญมา แต่ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร ช่วยอย่างเดียวให้ได้ต้องช่วยกัน นี่คือประเทศไทยอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ก่อนเกิดมา ถนนเป็นสิ่งทำให้เกิดเขตเศรษฐกิจใหม่ ของเก่าก็ต้องซ่อมต้องดูแล ตนมองว่าไทยอาจถือได้ว่ามีถนนที่ดีที่สุดในอาเซียน พร้อมกับย้ำว่า ทุกอย่างไม่ได้เริ่มต้นด้วยคำพูดวันเดียว ไม่ได้สร้างการรับรู้ที่ละนิด แต่ยังไม่เริ่มทำ ก็จะเป็นไปไม่ได้ทั้งหมด สิ่งที่ตนต้องการตอนนี้มากที่สุดคือ รวมใจ ไทยสร้างชาติ ทุกคนคือคนไทยใช่หรือไม่ จะให้ใครมาสร้างชาติให้เรานอกจากคนไทยด้วยกันเอง
ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายนี้ประกอบไปด้วย ด่านห้วยใหญ่ ด่านเขาชีโอน และด่านมาบตาพุด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน ลดเวลาการเดินทางจาก มาบตาพุด–พัทยา ด้วยเวลาน้อยกว่า 30 นาที
ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด เป็นทางหลวงมาตรฐานสูงที่มีการควบคุมการเข้า-ออกอย่างสมบูรณ์ มีถนนขนาด 4 - 6 ช่องจราจร มีจุดเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางสายชลบุรี-พัทยา บริเวณทางแยกต่างระดับมาบประชัน มุ่งไปทางทิศใต้ผ่าน อ.บางละมุง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ไปสิ้นสุดที่บริเวณบรรจบทางหลวงหมายเลข 3 เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ระยะทางรวม 32 กม. โดยกรมทางหลวงใช้รายได้ที่จัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 9 ที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน มาใช้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด แบ่งงานก่อสร้างออกเป็น 14 สัญญา วงเงิน ลงทุนรวม 17,784 ล้านบาท