ไฟป่าที่กำลังลุกลามในรัฐโอเรกอน และ รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ท้องฟ้าในเมืองซานฟรานซิสโก โอ๊คแลนด์และเบิร์กลีย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนียถูกควันไฟป่าเข้าปกคลุมส่งผลให้เกิดปรากฎการณ์ท้องฟ้าสีส้มเมื่อวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา
ประชาชนภายในรัฐแคลิฟอร์เนียหลายรายออกมาแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดียต่างกล่าวว่า ปรากฎการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในบริเวณพื้นที่รอบอ่าวแคลิฟอร์เนีย ทุกอย่างเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ หรือการใส่ฟิลเตอร์ของอินสตราแกรม
ขณะที่คุณภาพอากาศในบริเวณรอบๆ อ่าวเเคลิฟอร์เนียถูกเตือนให้อยู่ในระดับที่อันตรายต่อสุขภาพมาเป็นระยะเวลากว่า 25 วันแล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดที่เคยเกิดขึ้นมา
ปัจจุบันในรัฐแคลิฟอร์เนียไฟป่าได้ลุกลามเผาไหม้พื้นที่ภายในรัฐไปแล้วกว่า 2.17 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 5.5 ล้านไร่
ขณะที่เมื่อกลางเดือน ส.ค. ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียได้ประกาศภาวะฉุกเฉินภายในรัฐ เนื่องจากไฟป่าที่เกิดขึ้นภายในรัฐและสภาพอากาศของรัฐที่กำลังเข้าขั้นวิกฤต
ข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังไฟป่าแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่าในปี 2563 ไฟป่าได้ทำลายพื้นที่ต่างๆในสหรัฐฯ แล้วเกือบ 4.7 ล้านเอเคอร์ หรือประมาณ 12 ล้านไร่
ขณะที่ในรัฐโอเรกอน เป็นหนึ่งในรัฐที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าในปีนี้หนักที่สุดถูกไฟป่าทำลายพื้นที่เมืองถึง 5 เมืองภายในรัฐ
เคท บราวน์ ผู้ว่าการรัฐโอเรกอนกล่าวว่า ไฟป่าได้ลุกลามและทำลาย 5 เมืองของรัฐโอเรกอน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตและบ้านเรือนประชาชนเสียหายจากไฟไหม้ป่าในครั้งนี้จำนวนมาก
ทางการรัฐโอเรกอนระบุว่า กระแสลมที่พัดแรงขึ้นส่งผลให้ไฟป่ายังคงลุกลาม และอาจจะต้องมีการประกาศอพยพประชาชนหลายหมื่นคนเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้
ด้านนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพภูมิอากาศชี้ว่า ไฟป่าในสหรัฐฯ ที่ลุกลามและวิกฤตในปีนี้เป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนทั้งจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศที่มีความชุ่มชื้นสูงสุดและแห้งแล้งสุดในช่วงฤดูแล้ง ส่งผลให้พืชพรรณจำนวนมากถูกปล่อยให้แห้งแล้งตายและเป็นหนึ่งในเชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดไฟป่าลุกลามกว่า 100 แห่งในทางตะวันตกของสหรัฐฯ