CNN Business รายงานว่าการยื่นฟ้องคดีในนามบุคคลในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยชายคนหนึ่งในมลรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ผู้ซึ่งเป็นลูกค้าของเชนฟาสต์ฟู้ดชื่อดังอย่างเบอร์เกอร์คิง โดยเขาอ้างว่าแม้ทางเบอร์เกอร์คิงจะประกาศอย่างชัดเจนในโฆษณาว่าทางร้านได้เริ่มให้บริการเมนูที่ไม่มีเนื้อจริงผสมอยู่แบบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ในความเป็นจริงเมนูไร้เนื้อดังกล่าวกลับได้รับการปนเปื้อนจากการสัมผัสผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อจริง เพราะถูกย่างบนเตาเดียวกัน

การกล่าวหาในคดีดังกล่าวระบุว่าทางบริษัทเบอร์เกอร์คิงทำการโฆษณาที่ไม่เป็นความจริง ทั้งยังได้รับผลประโยชน์ทางรายได้จากการเสนอเมนูทางเลือกที่เป็นวีแกนให้กับลูกค้า ทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่วีแกนจริง โดยหลังมีการรายงานข่าวประเด็นนี้ออกมา สื่อหลายสำนักพยายามติดต่อไปทางเบอร์เกอร์คิง แต่จนขณะนี้ยังไม่มีการออกมาปฏิเสธหรือให้ข้อมูลแต่อย่างใด

ฟิลลิป วิลเลียมส์ โจทก์ของคดีนี้กล่าวว่า ส่วนตัวเขาเป็นวีแกน หรือผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดื่มหรือรับประทานผลิตภัณฑ์ใดๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์ รวมไปถึงการไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ของใช้ใดๆในชีวิตประจำวันที่เป็นการทำร้ายและเบียดเบียนสัตว์อีกด้วย โดยวิลเลียมส์ได้เข้าไปซื้อเมนู Impossible Whopper ครั้งแรกในร้านเบอร์เกอร์คิงของเมืองแอตแลนตา มลรัฐจอร์เจีย เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเขาระบุในคำร้องว่าหากทราบว่าจะมีการใช้เตาย่างเดียวกันกับเนื้อจริงเช่นนี้ก็คงจะไม่ซื้อมารับประทานตั้งแต่แรก

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่วิลเเลียมส์เพียงคนเดียวเท่านั้น ในเอกสารของการฟ้องร้องยังระบุด้วยว่ามีผู้บริโภคหลายรายได้พูดถึงกรณีเดียวกันนี้ในโลกออนไลน์อีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายจับตาว่าทางเบอร์เกอร์คิงนั้นจะออกมารับมือกับเรื่องนี้อย่างไร

แต่ที่แน่ชัดตอนนี้ก็คือการออกเมนูวีแกนอย่าง Impossible Whopper มาในปีนี้สร้างรายได้ให้กับเบอร์เกอร์คิงอย่างมาก จนทำให้ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้เบอร์เกอร์คิงทำรายได้รวมสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา อ้างอิงข้อมูลจาก Restaurant Bands