ไม่พบผลการค้นหา
​นายกฯ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ เผย ครม.เห็นชอบเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 2 กลุ่มผู้สูงอายุ คาดเริ่มจ่าย ม.ค. 68

วันนี้ (24 ธันวาคม 2567) เวลา 12.40 น. ณ บริเวณโถงกลาง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ ได้สั่งการให้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอ เพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง และนอกจากนี้ ให้แต่ละกระทรวงมีนโยบายหรือว่าแพ็กเกจของขวัญปีใหม่จากทุกกระทรวงที่จะมอบให้กับพี่น้องประชาชน

 นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป ตั้งแต่ที่รัฐบาลเข้ามาทำงานได้มีนโยบายต่าง ๆ ที่เป็นนโยบายสำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและพี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี พ.ศ. 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น ส่วนเรื่องของงบประมาณจะมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีแต่ตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจหลาย ๆ ตัว ต้องเร่งรัดเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ฝากข้อสังเกตให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้

1.) ให้กระทรวงการคลังเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ให้เหมาะสม สอดคล้องกับประเทศที่มีระดับรายได้ใกล้เคียงกัน

2.) ให้หน่วยงานที่รับงบประมาณเพิ่ม เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่าประหยัดและใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน

3.) ให้หน่วยงานที่รับงบประมาณเพิ่ม นำเงินนอกงบประมาณ เงินรายได้ หรือเงินที่สะสม มาใช้ดำเนินภารกิจเป็นลำดับแรก

4.) เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจและสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุเพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็นโดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ที่มีสัญชาติไทยและมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะจ่ายเงินแก่กลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาท/คน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกภายในเดือนมกราคม พ.ศ. 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์

นอกจากนี้ ครม. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงการคลังเสนอมาตรการ easy e receipt 2.0 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศในปี 2568 ผ่านการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการโดยผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุดรวม 50,000 บาท และรับทราบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามมติคณะกรรมการถ้าคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ได้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มอัตราวันละ 7 – 55 บาท เป็นอัตราวันละ 337 – 400 บาท เดิมอัตราวันละ 330 – 370 บาทโดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาทใน 4 จังหวัดและ 1 อำเภอได้แก่จังหวัดภูเก็ต ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยองและอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจังหวัดนำร่อง โดยในจังหวัดอื่น ๆ จะทยอยปรับตามแผนตามที่ทางกระทรวงแรงงานจะชี้แจงรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2568

ในส่วนของวันที่ 28 มกราคม 2568 จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในจังหวัดสงขลาและเขตตรวจราชการที่ 5 จังหวัดชุมพร พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำโครงการต่าง ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภาคใต้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา