วันที่ 14 ก.ย. 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มอบนโยบายแก่ข้าราชการ และผู้บริหารกระทรวง ทส. โดยกล่าวว่า ให้ยึดหลัก ขยัน ซื่อสัตย์ อดทน มีวินัย ในการทำงาน 

ส่วนในเรื้องเนื้องานนั้น อยากให้เร่งแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงใกล้ฤดูหนาว เช่น ไฟป่า และฝุ่นพิษ PM 2.5 จึงขอให้กระทรวง ทส. เตรียมพร้อมต่อการดำเนินการ อีกทั้ง การทำงานร่วมกันต้องมีการบูรณาการร่วมกันทั้งภายใน และภายนอกหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ มีปัญหาให้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับ 

“ทุกท่านรู้งานกันอยู่แล้ว ผมไม่มีทางรู้งานเท่าท่านได้ เพียงแต่เน้นย้ำแนวทางการปฏิบัติงาน หากถือปฏิบัติเช่นนี้ กระทรวงจะราบรื่น ข้าราชการทำงานดีอยู่แล้ว ผมเพียงมาให้ข้อคิด ข้อแนะนำในการทำงานเท่านั้น” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว 

อย่างไรก็ตาม การมอบนโยบายแก่ข้าราชการกระทรวง ทส. ในวันนี้ได้มี ‘สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์’ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาด้วย 

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท ชี้แจงว่า ยังไม่มีการแต่งตั้ง หรือมอบตำแหน่งให้แก่ สนธิรัตน์ เป็นเพียงการให้คำแนะนำ ส่วนข้าราชการทางการเมืองที่จะมาช่วยงานนั้น ยังคงอยู่ในชั้นพิจารณา รวมถึงขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐด้วย 

ทั้งนี้เรื่องการโยกย้ายข้าราชการหน่วยงานในสังกัด เป็นไปตามวาระการแต่งตั้ง ซึ่งมีปลัดกระทรวงเป็นผู้พิจารณา ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ จะดูอีกครั้งว่า การแต่งตั้งนั้นสมควรหรือไม่ 

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.พัชรวาท ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า ในเรื่องดังกล่าว ได้มอบหมายให้กรมควบคุมมลพิษ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวง ทส. จัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อากาศสะอาด เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว 

อย่างไรก็ตาม ในสภาผู้แทนราษฏร ชุดที่ 25 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เคยถูกยื่นโดย สส.พรรคร่วมรัฐบาลในขณะนั้น และ ภาคประชาชน แต่กลับถูกปัดตก และไม่เคยหยิบยกมาถกเถียงในที่ประชุมสภาฯ 

สำหรับการแก้ไขปัญหาเรื่องสิทธิที่อยู่อาศัยสำหรับชาติพันธุ์ เช่น ชาวกระเหรี่ยงบางกลอยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่า พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ดินของกลุ่มชาติพันธุ์มีกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว เพราะกลุ่มชาติพันธุ์มีการโยกย้ายเคลื่อนที่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบัน กระทรวง ทส. มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่แล้ว จึงให้เป็นไปตามกฎหมาย