นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมาที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอข้อมูลการจ่ายหน้ากากอนามัย โดยนายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน ซึ่งทำหน้าที่รักษาการอธิบดีฯ รับหนังสือและชี้แจงขั้นตอนการเปิดเผยเอกสาร โดยยืนยันว่า จะดำเนินการให้ได้เอกสารตามที่ร้องขอ ทั้งชื่อและจำนวนโรงงานที่ดูแลเรื่องนี้, รายละเอียดการส่งมอบและจำนวนหน้ากากอนามัย ซึ่งต้องใช้เวลาจัดเตรียมพอสมควร
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาตรา 9 ประชาชนทั่วไปสามารถขอข้อมูลทางการได้ แต่ก็เชื่อว่า ผู้มีอำนาจและกรมการค้าภายใน จะอ้าง พ.ร.บ.นี้ในการไม่ให้ข้อมูลได้เช่นกัน ตนต้องยื่นอุทธรณ์เพื่อขอข้อมูลต่อไป เพราะหากเปิดเผยข้อมูลออกมา ก็จะเห็นขบวนการกักตุนและช่องทางที่ปล่อยให้ลักลอบนำหน้ากากอนามัยไปขายในตลาดออนไลน์และตลาดมืด รวมถึงการปล่อยให้ส่งไปขายประเทศจีน ที่ได้ส่วนต่างไม่น้อยกว่า 5 บาทต่อชิ้น ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาล และได้ร้องขอ การชี้แจงถึงเหตุผลที่ให้เพียง 11 บริษัทดูแลเรื่องนี้ ทั้งที่มีบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางๆ สามารถผลิตหน้ากากและวางจำหน่ายได้ ซึ่งหากนำมารวมกับ 11 บริษัทที่มีอยู่ ก็จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากาก ไม่เจอภาวะขาดแคลนเช่นนี้ ยืนยันว่า ข้อมูลที่ตนมาขอในวันนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเพื่อความโปร่งใส หากได้มาใช้เวลาแค่ 2 วันก็ตรวจพบความไม่ชอบมาพากล
นายอัจฉริยะ ยังกล่าวถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า หากโปร่งใสต้องลงมาตรวจสอบและดำเนินการนำเอกสารตามที่ขอมาให้ประชาชนได้รับรู้ ยกเว้นอย่างเดียวว่าร่วมกันทุจริตเลยไม่ยอมให้เอกสารภาคประชาชน
จวกยุคไหน "ประชาธิปัตย์" คุม "พาณิชย์" ต้องมีสินค้าขาดแคลน
นายอัจฉริยะ ยังตั้งคำถามด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกรณีหน้ากากอนามัยวันนี้ ทำเหมือนกรณีน้ำมันพืชยุคที่พรรคประชาธิปัตย์บริหารกระทรวงพาณิชย์ ที่น้ำมันพืชขาดตลาด สุดท้ายต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ครั้งนี้หน้ากากอนามัยขาดตลาด ก็จะนำเข้าจากจีน "เป็นสไตล์เดียวกัน วิธีการเดียวกัน พอคุมกระทรวงพาณิชย์จะเป็นอย่างนี้หมด"
ส่วนที่ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้ทนายความ เข้าแจ้งความฐานหมิ่นประมาทและให้ข้อมูลเท็จตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กรณีไลฟ์เฟซบุ๊ก กล่าวหาคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รับส่วนต่างจากบริษัทที่มีการส่งออกหน้ากากอนามัยไปยังต่างประเทศนั้น
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ไม่กังวลและเตรียมฟ้องกลับข้อหาแจ้งความเท็จ ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องในวันพรุ่งนี้ (18มี.ค.2563) พร้อมขอบคุณนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ "ทนายนกเขา" ที่อุตส่าห์โทรมาบอกตนถึง 2 ครั้ง โดยอ้างชื่อนายจุรินทร์ แต่ก็ยืนยันว่า "ต่อให้พ่อของนายจุรินทร์ฟ้องตนก็ไม่กลัว" และการไลฟ์สดทาง เฟซบุ๊กนั้น เป็นการตั้งข้อสงสัยเพื่อตรวจสอบและไม่ได้ระบุตัวบุคคล หากผู้หญิงที่เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีซึ่งมีหลายคน หากไม่ได้กระทำความผิดควรร่วมกันมาตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์คลิปวิดีโอการสนทนาของนายอัจฉริยะ กับบุคคลหนึ่ง พร้อมระบุข้อความว่า "เปิดคลิป คิดแล้วต้องโดน ครั้งที่แล้วบอกให้เราหยุด แต่เราไม่หยุดเดินหน้าสู้ เพื่อประชาชนเรื่องหน้ากากผี ทุกคนก็อยากรู้ความจริงว่าหน้ากากผีหายไปไหน หรือคุณรู้อยู่แล้วว่าความจริงคืออะไร"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :