เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา สมัชชาคนจน จัดเวทีพรรคการเมืองฟังเสียงคนจน ครั้งที่ 4 ตอนปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์ ณ วัดศรีเมืองธรรมคุณ บ้านโนนสมบูรณ์ ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ และบ้านท่าสะอาด ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ โดยเชิญผู้แทนพรรคการเมือง ร่วมรับฟังกรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์กุดทิง กรณีปัญหาเตรียมประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง และกรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์บะหนองหล่ม จากสมาชิกสมัชชาคนจน
โดยมีพรรคการเมืองที่สนใจร่วมรับฟังปัญหา 4 พรรค ทั้งจากรัฐบาลและฝ่ายค้าน ประกอบด้วย 1. นายนาวิน คำเวียง หัวหน้าสาขาพรรคประชาชาติ ภาคอีสาน นายณภัทร์ ปรีดีรอง รองหัวหน้าสาขาพรรคประชาชาติ ภาคอีสาน นายชัยวัฒน์ รัตนคำมูล โฆษกสาขาพรรคประชาชาติ ภาคอีสาน นายอนุสรณ์ ช้างอินทร์ คณะทำงานและผู้เชี่ยวชาญการจัดหาน้ำบาดาล และนายเกริกชัย พลชา คณะทำงานภาคอีสานเหนือ และนายพรเทพ ทองหล่อ ผู้แทนพรรคประชาชาติ 2. นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ผู้แทนพรรคอนาคตใหม่ 3. นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ผู้แทนพรรคเสรีรวมไทย 4. นายเกรียงศักดิ์ วงษ์คงคำ ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดบึงกาฬ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ ผู้แทนพรรคพลังประชารัฐ
ในช่วงเช้าเป็นการลงพื้นที่กรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์กุดทิง กรณีปัญหาเตรียมประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง บริเวณหลังวัดศรีเมืองธรรมคุณ บ้านโนนสมบูรณ์ ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ และในช่วงบ่ายมีการนำเสนอปัญหาทั้ง 3 เรื่อง ที่บ้านท่าสะอาด ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ
นายณตฤณ ฉอ้อนศรี ผู้ประสานงานสำนักงานเลขานุการสมัชชาคนจน กล่าวว่า สมัชชาคนจน จัดเวทีสัญจร “พรรคการเมืองฟังเสียงคนจน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกสมัชชาคนจนนำเสนอปัญหา ข้อเรียกร้อง และความต้องการแก่พรรคการเมืองต่างๆ ได้รับทราบและเข้าใจกรณีปัญหา ตลอดจนเพื่อให้พรรคการเมืองต่างๆ สามารถนำเรื่องราวของสมัชชาคนจนเสนอต่อรัฐสภาและรัฐบาล รวมทั้งช่วยผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนให้เป็นที่ยุติอย่างเป็นธรรม โดยครั้งนี้เป็นครั้ง 4 เป็นการนำเสนอปัญหาที่สาธารณประโยชน์ พื้นที่จังหวัดบึงกาฬ
ด้านนางสาวรัชนี สิทธิรัตน์ สมาชิกสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬ ได้นำเสนอกรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์กุดทิง ต.โนนสมบูรณ์ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ โดยระบุว่า เมื่อปี 2557 หน่วยงานราชการได้อ้างคำสั่ง คสช. ฉบับที่ 64/2557 แจ้งความจับชาวบ้าน จำนวน 27 ราย ทางตำรวจบอกให้ชาวบ้านรับสารภาพจะได้กลับบ้าน ชาวบ้านจึงรับสารภาพแล้วเสียค่าปรับเป็นจำนวน 5,000 บาท จากนี้เองที่ทำให้ชาวบ้านเริ่มตรวจสอบเอกสารความเป็นมาของที่สาธารณประโยชน์กุดทิง
โดยพบว่า ที่สาธารณประโยชน์ “กุดทิง” สงวนหวงห้ามเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2472 โดยรองอำมาตย์โทขุนวิศิษฐ์อุดรการณ์ นายอำเภอชัยบุรี (ชื่อเดิมของอำเภอบึงกาฬ) มีความประสงค์ในการสงวนหวงห้ามไว้เป็นที่สาธารณประโยชน์ใช้เป็นทำเลเลี้ยงสัตว์ (กุดทิง) ทิศเหนือ จรดนานางค้อง ริมสนามบิน และสายร่องหนองฝั่งแดง ทิศใต้ จรดดงต้อง และ ดงห้วยซาย ทิศตะวันออก จรดทามหนองฝั่งแดงกับปากดงทาก ทิศตะวันตก จรดดงนาโพนทันและที่นานายออน ดอนห้วยซาย
ต่อมาในปี 2536 หน่วยงานราชการอ้างว่า สภาตำบลบึงกาฬ สภาตำบลโนนสมบูรณ์ ประชุมและทำแนวเขตที่ทำเลเลี้ยงสัตว์กุดทิง ได้ยึดถือตามทะเบียนที่สาธารณะ ไว้ในระวางรูปถ่ายทางอากาศ ปี 2520 มาตราส่วน 1:50,000 ในปี 2543 นายอำเภอบึงกาฬ ขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่สาธารณประโยชน์กุดทิง ซึ่งการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงดังกล่าวเป็นการรังวัดตามแผนที่ปี 2536 ซึ่งไม่ตรงตามทะเบียนที่สาธารณประโยชน์กุดทิง เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2472 ทำให้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่ทำเลเลี้ยงสัตว์กุดทิง เป็นการออกโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามหลักฐานการสงวนหรือหวงห้ามของทางราชการ เป็นเหตุให้ทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือนร้อน
ปัจจุบันสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงให้ถูกต้องตรงตามทะเบียนสงวนหวงห้าม หากมีการแก้ไขถูกต้องที่ดินของชาวบ้านจะอยู่นอกเขตที่สาธารณประโยชน์
นางสาวรัชนี กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา ชาวบ้านพยายามยื่นเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่หน่วยงานกลับเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ ทำให้ชาวบ้านต้องฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ นางสาวรัชนี ยังได้นำเสนอกรณีปัญหาเตรียมประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง จ.บึงกาฬ โดยระบุว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง โดยใช้ที่สาธารณประโยชน์กุดทิง ในท้องที่ ต.โนนสมบูรณ์ ต.บึงกาฬ ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในการใช้ประโยชน์ของประชาชนในที่ดินสาธารณประโยชน์กุดทิง ทั้งเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เก็บผักหักฟืน เนื่องจากที่ผ่านมา ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานแจ้งว่า หลังการประกาศเขตห้ามล่าสัตว์ป่ากุดทิง กรณีการเลี้ยงสัตว์ชาวบ้านต้องรวมกลุ่มกันยื่นขออนุญาตต่ออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการเพิ่มภาระให้กับประชาชน
นางสาวมัจฉา จารย์โพธิ์ สมาชิกสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬ ได้นำเสนอกรณีปัญหาที่สาธารณประโยชน์บะหนองหล่ม ต.ท่าสะอาด อ.เซกา จ.บึงกาฬ โดยระบุว่า เมื่อปี 2521 ทางหน่วยงานราชการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) ต่อมาในปี 2523 นายอำเภอเซกา ขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง โดยมีทะเบียนแนบ ระบุว่า ที่ดินสาธารณประโยชน์ “บะหนองหล่ม” ตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ที่ 5 ตำบลท่ากกแดง อำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ตามการหวงห้าม 150 ไร่ และมีอาณาเขตข้างเคียงทิศเหนือ กว้าง 10 เส้น จดที่นายเกี้ยว ทิศใต้ กว้าง 10 เส้น จดทางหลวง ทิศตะวันออก ยาว 15 เส้น จดดงห้วยหล่ม ทิศตะวันตก ยาว 15 เส้น จดนางใคร ต่อมาในปี 2528 มีการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงที่สาธารณประโยชน์ มีเนื้อที่ 691-2-96 ไร่ มากว่าทะเบียนหวงห้าม 541-2-96 ไร่ และมีขอบเขตไม่ตรงตามทะเบียนหวงห้าม โดยเฉพาะด้านทิศเหนือจดที่นายเกี้ยว แต่กลับทับที่ดินของนายเกี้ยว
นางสาวมัจฉา กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเอกสารทางราชการ ยืนยันได้ว่า การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เลขที่ 23165 (ที่ทำเลเลี้ยงสัตว์บะหนองหล่ม) เป็นการออกโดยผิดพลาดคลาดเคลื่อนไม่ตรงตามหลักฐานการสงวนหรือหวงห้ามของทางราชการ เป็นเหตุให้ทับซ้อนกับที่อยู่อาศัยและที่ทำกินของชาวบ้าน จำนวน 18 ครอบครัว ซึ่งมีชาวบ้านบางรายมีเอกสารเป็นโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก) และที่ผ่านมีการร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่มีการแก้ไขปัญหาใดๆ ปัจจุบันชาวบ้านถูกแจ้งความดำเนินคดีถึงที่สุดไปแล้ว จำนวน 2 ราย และได้มีการบังคับคดีให้ออกจากที่ดินแล้ว และทางเทศบาลตำบลท่าสะอาดมีการแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มอีก 6 ราย
หลังการรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของสมาชิกสมัชชาคนจนจังหวัดบึงกาฬ ผู้แทนพรรคการเมือง มีความเห็นต่อกรณีปัญหาที่ดินที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า
นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องที่ดิน เป็นปัญหาที่พรรคอนาคตใหม่ ได้รับการร้องเรียนเข้ามาเป็นจำนวนมากหลังจากที่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเรื่องที่ดินเป็นปัญหาใหญ่ และเป็นปัจจัยหรือเครื่องมือในการทำกินที่สำคัญ พรรคอนาคตใหม่จะผลักดันเรื่องที่ดินทำกินให้เป็นวาระแห่งชาติ และเรียกร้องให้ฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านช่วยกันเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด และต้องการให้พี่น้องยืนหยัดต่อสู้ ส่งเสียงดังๆ จากนอกสภา เพื่อเป็นแรงผลักดันในการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรของพรรคการเมือง
นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า สำหรับหน้าที่ของฝ่ายค้าน คือ การยื่นญัตติ การตั้งกระทู้ ให้ปรากฎเกี่ยวกับปัญหาพี่น้องในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคอนาคตใหม่ต้องการให้มีการปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกิดสิทธิชุมชน ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน เพราะพรรคอนาคตใหม่ไม่เชื่อว่าระบบปัจจุบันจะแก้ไขปัญหาพี่น้องได้ เพราะปัจจุบันรัฐเชื่อว่าที่ดินเป็นของรัฐ และต้องผลักดันให้มีการกระจายอำนาจ เพื่อให้ประชาชนได้แก้ไขปัญหาของตนเอง และในระยะเบื้องต้นต้องหยุดการผลักดันพี่น้องออกจากที่ดิน พี่น้องต้องไม่ติดคุกอีกต่อไป รัฐต้องหยุดการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม จะใช้ช่องทางของสภาผู้แทนราษฎร กรรมาธิการที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้าน และการแก้ไขปัญหาที่ดินในขณะนี้เป็นเพียงการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ หากต้องการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ได้เขียนไว้แค่ว่า รัฐพึงดำเนินการเกี่ยวกับที่ดิน ทรัพยากรน้ำ และพลังงาน อยู่ในหมวดนโยบายพื้นฐาน ซึ่งคำว่า พึง แสดงว่า รัฐจะทำหรือไม่ทำก็ได้ และทำให้เรื่องสิทธิในที่ดินเป็นเรื่องที่รัฐหยิบยื่นให้หรือไม่ก็ได้ เรื่องนี้ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สิทธิชุมชน ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และจะถือว่าเรื่องของพื้นที่กุดทิง และบะหนองหล่ม ได้ยื่นต่อกรรมาธิการแล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับในเรื่องคดีความที่หน่วยงานของรัฐ ได้มีแจ้งความชาวบ้านไว้นั้น หากชาวบ้านถูกจับกุมและต้องการให้มีการช่วยเหลือในเรื่องการประกันตัว พรรคประชาชาติ พรรคอนาคตใหม่ จะประสานงานให้ ส.ส. มาเป็นนายประกันให้กับชาวบ้าน นายนายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าว
ด้านนายนาวิน คำเวียง หัวหน้าสาขาพรรคประชาชาติ ภาคอีสาน กล่าวว่า รับปากจะนำปัญหาของพี่น้องไปปรึกษาหารือกับ 7 พรรคฝ่ายค้าน และจะนำฝ่ายกฎหมายที่ดินลงพื้นที่อีกครั้ง โดยพรรคจะนำเรื่องไปเสนอเป็นกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร
นพ.ประสงค์ บูรณ์พงษ์ รองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันนี้เรามาด้วยหัวใจ พี่น้องก็มาด้วยหัวใจ พี่น้องประชาชนเป็นที่พึ่งของพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องพึ่งอำนาจของประชาชน เป็นที่มาของพรรคการเมืองที่จะผลักดันให้พรรคการเมืองเข้าไปอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และต้องแก้ไขปัญหาของพี่น้อง การจะแก้ไขปัญหาพี่น้องได้ ก็ต้องทำให้พี่น้องมีอำนาจ ไม่ใช่ให้คนหนึ่งคนเลือกตัวแทนได้ 250 คน ต้องเอาอำนาจกลับมา พี่น้องมีอำนาจปัญหาของพี่น้องก็จะถูกแก้ไข การที่พี่น้องจะมีอำนาจก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้พี่น้องมีอำนาจ และนำไปสู่การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :