เศรษฐกิจ
'แบล็คเบอร์รี่' ฟื้นคืนชีพ ตัดใจเลิกผลิตโทรศัพท์
'แบล็คเบอร์รี่' ไม่ใช่บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนอีกต่อไป และการปรับตัวครั้งนี้ส่งผลดีอย่างชัดเจน เมื่อยอดหุ้นพุ่งสูงขึ้นทันทีราวร้อยละ 10 ในวันศุกร์ที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา หลังบริษัทแถลงรายรับและยอดจำหน่ายสินค้าที่เกินการคาดการณ์ของตลาด ทั้งนี้บริษัทยังเพิ่มยอดประมาณรายรับประจำปี 2562 ส่งผลให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงกว่าร้อยละ 40 ในปี 2562 นี้
อดีตบริษัทผลิตสมาร์ทโฟนรายงานรายรับที่ 99 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3.1 พันล้านบาท จากภาคธุรกิจบริการให้ใบอนุญาตกับบริษัทคู่ค้าเดิมและธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเติบโตถึงร้อยละ 71 จากปีก่อนหน้า และช่วยกระตุ้นรายรับรวมราวร้อยละ 8 ไปอยู่ที่มูลค่ากว่า 257 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 8.1 พันล้านบาท ขณะที่มูลค้าหุ้นพุ่งขึ้นร้อยละ 16 อยู่ที่ราคา 10.27 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 327 บาท ต่อ 1 หุ้น
กลยุทธ์ 'แบล็คเบอร์รี่' ฟื้นคืนชีพ
การประสบความสำเร็จของแบล็คเบอร์รี่ในครั้งนี้มาจากการเปลี่ยนผ่านจากธุรกิจขายสินค้าฮาร์ดแวร์ที่มีการแข่งขันกันสูงมากอย่างสมาร์ตโฟนไปสู่ธุรกิจซอฟต์แวร์ที่มีกำไรดีกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตในอุปกรณ์ต่างๆ (IoT) ที่ไว้เชื่อมต่ออุปกรณ์ อาทิ รถยนต์
'จอห์น เฉิน' ซีอีโอคนปัจจุบันของแบล็คเบอร์รี่ที่เข้ามารับตำแหน่งในช่วงปลายปี 2556 ขณะที่บริษัทกำลังเผชิญความยากลำบากในการอยู่รอด ตัดสินใจเปลี่ยนการดำเนินการของบริษัทที่เคยเน้นไปที่การผลิตโทรศัพท์ไปที่การพัฒนาซอฟต์แวร์แทน โดยแบล็กเบอร์รี่หยุดผลิตโทรศัพท์เองตั้งแต่ปี 25559 แลtหันไปหาคู่ค้าให้ผลิตแทน ปัจจุบันแบล็คเบอร์รี่ทำรายได้หลักมาจากการขายซอฟต์แวร์และบริการให้กับธุรกิจขนาดใหญ่
"ทุกคนจำแบล็คเบอร์รี่ในฐานะบริษัทผลิตโทรศัพท์ แต่ตอนนี้ระบบความปลอดภัยคือสิ่งใหญ่ที่เราทำ" เฉิน กล่าว
ล่าสุด แบล็คเบอร์รี่เพิ่งเข้าซื้อ ไซแลนซ์ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ปัญญาประดิษฐ์และเครื่องจักรควบคุมระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ และให้บริการกับธนาคารต่างๆมากมาย
เฉิน กล่าวว่า แบล็คเบอร์รี่อาจตัดสินใจเข้าซื้อบริษัทเล็กๆ ที่จะมาส่งเสริมกับธุรกิจของไซแลนซ์รวมทั้งระบบซอฟต์แวร์ คิวเอ็นเอ็กซ์ ที่เป็นทั้งระบบแหล่งข้อมูลและตัวสร้างความบันเทิงในรถยนต์ของบริษัท
"เราพอแล้วกับการสร้างสิ่งเดิมๆ เรากำลังมองหาการลงทุน" เฉินกล่าว
ข้อความที่แบล็คเบอร์รี่ส่งออกไปยังนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กชัดเจนมาก ว่าบริษัทที่เคยเกือบตายในธุรกิจสมาร์ทโฟน ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง และครั้งนี้เต็มไปด้วยความรุ่งเรืองและก้าวหน้า
