ประธานาธิบดีดูแตร์เตกล่าวระหว่างการแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์ว่า ได้สั่งการตำรวจและทหารว่าหากเกิดปัญหาหรือถูกสู้กลับจนทำให้ชีวิตของเจ้าหน้าที่ตกอยู่ในความเสี่ยง ก็อนุญาตให้เจ้าหน้าที่จับตาย ยิงผู้ฝ่าฝืนได้ โดยผู้นำฟิลิปปินส์ระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการกักตัวในขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามชะลอการระบาดของโควิด-19 เพื่อไม่ให้ระบบสาธารณสุขของประเทศที่อ่อนแอต้องรับผู้ป่วยจนล้นเกิน
ฟิลิปปินส์พบผู้ป่วยยืนยันแล้ว 2,311 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 96 ราย โดยตอนนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่หลายร้อยรายต่อวัน ขณะที่คำขู่ของผู้นำฟิลิปปินส์มีขึ้นหลังมีรายงานว่าตำรวจได้จับกุมประชาชน 21 คน ในเขตชุมชนแออันของกรุงมะนิลา จากการที่พวกเขาจัดการประท้วงโดยไม่ได้รับอนุญาตเพื่อเรียกร้องการช่วยเหลือด้านอาหารจากรัฐบาลโดยบอกว่าไม่ได้รับอาหารหรือสิ่งของช่วยเหลือใดๆ นับตั้งแต่เริ่มล็อกดาวน์เมื่อกว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจเผยว่าผู้ที่ถูกจับกุมเหล่านี้จะถูกตั้งข้อหาละเมิดกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ประชาชนนับล้านคนต้องอยู่ที่บ้านภายใต้มาตรการกักตัว ซึ่งชาวบ้านเหล่านี้ไม่ยอมทำตามคำขอของเจ้าหน้าที่ให้กลับบ้าน ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่ามีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนหนึ่งที่ต้องเผชิญการถูกทำร้ายร่างกายและถูกเลือกปฏิบัติจากการตีตราทางสังคมซึ่งตื่นกลัวต่อโรคโควิด-19 ซึ่งผู้นำฟิลิปปินส์บอกว่าสิ่งเหล่านี้ต้องยุติ
คำเตือนของประธานาธิบดีดูแตร์เตก็ถูกวิจารณ์จากนักกิจกรรมที่บอกว่านี่คือการเชื้อเชิญความรุนแรงและการลงโทษโดยพลการ แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับสงครามต้านยาเสพติดที่ตำรวจและมือปืนปริศนาได้สังหารประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่าค้ายาเสพติดไปนับพันคนซึ่งตำรวจยืนยันว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในสงครามยาเสพติดนั้นถูกกฎหมาย โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำฟิลิปปินส์ เรียกร้องให้ดูแตร์เตยุติการยุยงให้เกิดความรุนแรงโดยทันที และขอให้องค์กรที่เกี่ยวข้องสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังอย่างไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม มีความเห็นจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของฟิลิปปินส์ซึ่งกล่าวว่า ตำรวจเข้าใจดีว่าประธานาธิบดีดูแตร์เตต้องการแสดงออกถึงความจริงจังของเขาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน และยืนยันว่าจะไม่มีใครถูกยิง