ที่ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงอีสานโพลระบุพรรคเพื่อไทยจะได้ ส.ส.มากที่สุดและคุณหญิงสุดารัตน์ได้คะแนนอันดับ 1 ในแคนดิเดตนายกฯ ว่า พรรคเพื่อไทยจะแข่งกับตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งทึ่ไม่เป็นธรรมตั้งแต่ต้นมีการเขียนกติกาเอารัดเอาเปรียบโดย คสช. โดยเฉพาะ ส.ว. 250 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะต้องทำงานอย่างเต็มที่ ดังนั้น ถ้าอยากให้พรรคเพื่อไทยไปทำงานต้องเลือกให้คะแนนท่วม ส.ว. 250 คน
“วันนี้ในสภามีสองฝ่ายเท่านั้นคือฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่ก็มีบางพรรคการเมืองไม่บอกว่าจะเอาพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งต้องมีความชัดเจน เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าใจผิด ไม่ใช่ประชาชนเลือกไปแล้ว มาบอกตอนหลังด้วยเหตุผลหล่อๆ ตอนนี้ในสภามีแค่สองฝั่งคือเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีพวกที่กั๊กอยู่ พรรคที่กั๊กต้องตอบให้ชัดเจนก่อนวันเลือกตั้ง ถ้าพรรคนั้นไม่ตอบขอให้ประชาชนช่วยทวงถามด้วยนะคะ” คุณสุดารัตน์ ระบุ
เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกพร้อมจับมือทุกพรรคการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์ ย้ำว่า พรรคเพื่อไทยไม่จับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคเพื่อไทยเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้ประเทศเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น รวมทั้งพล.อ.ประยุทธ์ต้องการสืบทอดอำนาจของเผด็จการจากการเขียนกติกาปี 2562 ต้องการเข้ามามีอำนาจอีกด้วยรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่นตั้งรัฐบาล ทางพรรคเพื่อไทยพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที
เมื่อถามถึง กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดนโยบายโค้งสุดท้ายด้วยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท และเงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาท ซึ่งอาจเป็นการเกทับพรรคเพื่อไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า พรรคที่เกทับบลัฟแหลกเป็นพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้กลืนน้ำลายตัวเองทุกเรื่อง เพราะเคยบอกว่านโยบายประชานิยมเป็นเรื่องเลวร้าย ซึ่งพรรคเพื่อไทยแม้จะทำนโยบายประชานิยมแต่ก็ไม่ทำจนทำให้ไม่มีการสร้างรายได้ และไม่ได้แจกเงินแบบหว่านจนทำให้ประชาชนไม่ดีขึ้น และที่โจมตีว่านักการเมืองเลวแต่ดูดคนที่มีปัญหาจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่โจมตีว่าเผด็จการรัฐสภา แต่วันนี้ยิ่งกว่าเพราะมีการเลือก ส.ว.โดยไม่เห็นศีรษะประชาชน
เมื่อถามว่า รัฐบาล คสช. ไม่ขึ้นค่าแรงในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่กลับมาขึ้นในช่วงเลือกตั้ง คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า เป็นการพูดเพื่อมาขายฝันเพื่อเอาคะแนน จะทำได้หรือไม่ก็ไม่รับผิดชอบ ส่วนพรรคเพื่อไทยตั้งแต่อดีตทุกคำพูดสามารถทำได้ และชุดที่มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็คือทีมรัฐมนตรีของรัฐบาล มาตั้งพรรคพลังประชารัฐที่ไม่สามารถทำให้ราคาสินค้าเกษตรราคาสูงได้ รวมทั้งไม่สามารถขึ่นเงินเดือนได้สักครั้งที่เป็นรัฐบาลมา 4-5 ปี และเงินเดือน ปริญญาตรี ผ่านมา 7 ปีก็ไม่ได้ขึ้นแต่เมื่อมีการเลือกตั้งกลับมาผลักดันให้ขึ้นเงินเดือนได้ และรัฐบาล คสช. ใช้งบประมาณแผ่นดินมากสุดตั้งแต่มีมาถึง 13 ล้านล้านบาท และใช้งบประมาณเกินรายได้ทุกปี ใช้เงินเกินรายรับ ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นหนี้กว่า 2 ล้านล้านบาท แล้วยังจะเลือกเขาไปทำงานได้อีกหรือไม่
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังระบุถึงเอกสารของจังหวัดแพร่สั่งให้เกณฑ์ประชาชนมารับนายกรัฐมนตรีที่จะมาลงตรวจราชการในวันที่ 16 มี.ค. ว่า เป็นการกระทำที่เอาเปรียบประชาชนเพราะมีการใช้งบประมาณของรัฐโดยลงพื้นที่คู่ขนานกับพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งมีข้าราชการในพื้นที่ไปบอกให้ประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นขอให้ระวังจะถูกฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายจึงขอให้ กกต. ตรวจสอบ