นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้ง 3 ข้อหา ฐานยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย ให้การช่วยเหลือผู้ต้องหาและมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ตามกฎหมายอาญามาตรา 116, 189 และ 215 กับผู้เกี่ยวข้องรวม 15 ราย แก่นายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีที่เข้าเยี่ยมแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่ถูกจับกุมหลังจัดกิจกรรมชุมนุมบริเวณสกายวอล์แยกปทุมวัน ใกล้ห้างสรรพสินค้า MBK ระหว่างวันที่ 22 - 24 มกราคม 2558 รวมถึงกรณีที่ กกต. ยังเคาะสูตรในการคำนวณ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ โดยเอาเศษคะแนนไปกระจายให้กับพรรคที่มีคะแนนเสียงต่ำกว่า 71,057.4980 คะแนน หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่นำมาคำนวณ ส.ส. ที่พึงจะมีหนึ่งคน ส่งผลประเทศไทยเกิดพรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวนมาก นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า สะท้อนถึงความไม่ปกติและเห็นถึงความพยายามในการสกัดกั้นให้ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ให้รวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งความพยามในการสืบทอดอำนาจ ด้วยวิธีการต่างๆ มีให้เห็นอย่างชัดเจนทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง และทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เมื่อพบว่าประชาชนจำนวนมากมอบความไว้วางใจและลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองที่ยืนอยู่ฝากฝั่งประชาธิปไตยมากมากกว่าฝ่ายที่ต้องการสืบทอดอำนาจ ดังนั้นความไม่ปกติดังกล่าวจึงเกิดถี่ขึ้น
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและองค์กรอิสระทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเป็นอิสระ ยึดความถูกต้องยุติธรรม ปราศจากการครอบงำหรือมุ่งช่วยเหลือแก่พรรคการเมืองหรือบุคคลใด บุคคลหนึ่งเป็นหลัก ให้ยึดมั่นเอาประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะแทนที่หลังการเลือกตั้งเป็นครั้งแรกหลังถูกปกครองโดยเผด็จการมานานเกือบ 5 ปี จะได้รับการยอมรับจากต่างชาติ แต่กลับทำให้ความเชื่อมั่นลดลง ถึงขนาดที่ตัวแทนยูเอ็น อียู และทูตจาก 11 ประเทศ รวมถึงสหรัฐ ต้องเข้าร่วมสังเกตการณ์ที่ตำรวจแจ้งข้อหากับนายธนาธร เมื่อวานนี้
“หากความไม่ปกติดังกล่าวยังดำเนินอยู่ต่อไป ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือประชาชนทั้งประเทศ เมื่อการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจก็จะได้รับผลกระทบ นักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่กล้าลงทุน ไม่เกิดการจ้างงาน รายได้ลดลง ชีวิตความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตคนไทยก็ลดลง สุดท้ายหนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สะท้อนได้จากการที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดตัวเลข หนี้ครัวเรือน ปี2561 พบว่า คนไทยแบกหนี้ 12.83 ล้านล้านบาท ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 78.6% ต่อจีดีพี สอดคล้องกับการเร่งตัวขึ้นของสินเชื่อรายย่อยหลายๆ ประเภท ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ” นางลดาวัลลิ์ กล่าวในตอนท้าย