อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า การทำงานในปีใหม่นี้ ที่คิดไว้มีหลายส่วน อาทิ ด้านสำนักงานพระพุทธศาสนาต้องดำเนินการเชิงรุก ทำให้พระพุทธศาสนาของประเทศไทยเจริญรุ่งเรืองขึ้นไป เป็นที่พึ่งทางใจของประชาชน ให้ศาสนาเป็นส่วนอำนวยสุข ทําให้ทุกคนมีสติ รู้รักสามัคคี เหนืออื่นใดจะส่งเสริมสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ที่เป็นเสาหลักของบ้านเมืองเรา ขับเคลื่อนให้ทุกคนเห็นถึงความสำคัญว่าสิ่งที่จะทำให้พบความสุขความเจริญในประเทศชาติต้องมี 3 เสาหลักที่เข้มแข็ง
อนุชา กล่าวว่า ขณะเดียวกัน ด้านกรมประชาสัมพันธ์จะมีการให้นำนโยบายของรัฐบาลที่ประชาชนควรจะได้รับรู้มานำเสนอในรูปแบบต่างๆ เพื่อที่ประชาชนจะให้ความสนใจและทราบถึงประโยชน์สูงสุดที่ควรจะได้รับ อสมท.ก็จะเข้าไปช่วยในการที่จะคิดหาวิธีที่จะทำให้องค์กรสามารถสามารถดำเนินธุรกิจ หรือดำเนินผลที่จะสามารถตอบสนองต่อองค์กร ในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคในวิกฤตปัจจุบันนี้ให้ผ่านพ้นไป ด้วยการที่จะเสริมสร้างการทำงานร่วมกัน สร้างความคิดร่วมกัน สร้างระบบร่วมกันเพื่อฟันฝ่าอุปสรรคที่เกิดขึ้น ตอบสนองในส่วนที่เป็นสื่อ ที่มีส่วนเกี่ยวกับรัฐบาลส่วนหนึ่ง มีส่วนที่จะต้องสร้างประโยชน์ต่อสังคมส่วนส่วนหนึ่ง และส่วนของภาคธุรกิจอีกส่วนหนึ่งให้ควบคู่ต่อไปในภายภาคหน้าได้
ส่วนของการคุ้มครองผู้บริโภค อนุชา กล่าวว่า จะมีนโยบายเชิงรุก เพื่อให้เกิดมีความมั่นใจในสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคสามารถเป็นที่พึ่งได้ให้ประชาชนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ได้สั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การร้องเรียนหรือการเข้าถึงการคุ้มครองผู้บริโภคต้องง่ายและสะดวกรวดเร็ว สามารถตอบสนองและปฏิบัติในทุกเรื่อง ซึ่งในส่วนของเรื่องที่ได้มีการร้องเรียนเข้าไปแล้ว ก็มีการดำเนินการแล้วทุกเรื่อง ไม่มีเรื่องใดเป็นกรณียกเว้น
ขณะเดียวกัน นโยบายเชิงรุก คือการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้เข้าถึงการร้องเรียนได้ง่ายขึ้นโดยผ่านทางช่องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ถือว่าเป็นเรื่องที่ทางสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคต้องทำการประชาสัมพันธ์ด้วย เพื่อประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถเข้าถึงสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ง่ายขึ้นสะดวกขึ้นรวดเร็วขึ้น