ไม่พบผลการค้นหา
จ.เชียงราย ห่วงสื่อมวลชนสัมภาษณ์ทีมหมูป่า เตือนมีกฎหมายคุ้มครอง ระบุมีคณะอนุกรรมการให้คำแนะนำดูแลการดำเนินการของสื่อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายหรือแสวงหาผลประโยชน์จากเด็ก

นายสมบูรณ์ ศิริเวช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จากที่มีสื่อมวลชนต่างประเทศ ไปสัมภาษณ์น้องๆ ทีมหมูป่าบางคนถึงที่บ้าน กรณีดังกล่าวนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งการให้นายอำเภอแม่สาย พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงราย ประชุม ส่วนราชการ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น และชุดรักษาความปลอดภัย และผู้ปกครองของน้องๆ ทีมหมูป่า เพื่อกำหนดวิธีการดูแลและดำเนินการตามแนวทางช่วยเหลือคุ้มครองเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

ทั้งนี้นายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย และทีมสหวิชาชีพ จะติดตามดูแลทีมหมูป่าอะคาเดมี หลังกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด มีการจัดตั้งชมรมเครือข่ายผู้ปกครอง เพื่อสื่อสารทำความเข้าใจและทุกเรื่องจะดำเนินการในรูปของกลุ่ม ซึ่งผู้ปกครองทุกคนยืนยันว่า จะไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีก รวมถึงการร่วมรายการตามสถานีโทรทัศน์ต่างๆ เวลานี้จังหวัดและผู้ปกครองต้องการให้น้องๆ กลับมามีชีวิตตามปกติ ขณะที่น้องๆ บางคนได้กลับไปเรียนหนังสือแล้ว ส่วนเรื่องของการบวชจะมีการหารือกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (22 กค.) 

สำหรับสื่อมวลชนที่ได้นำเสนอข่าวด้านต่างๆ ที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิของน้องๆ ขอความร่วมมือให้ยุติการดำเนินการ ซึ่งทางจังหวัดจะรายงานผลความคืบหน้าของน้องๆ ทั้งเรื่องของสุขภาพอนามัย การเรียน การบวช และเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจให้ทราบอย่างต่อเนื่อง

383428.jpg

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และนักจิตวิทยา โดยไม่ไปสัมภาษณ์หรือรบกวนการใช้ชีวิตของเยาวชนทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมีทั้ง 13 คน และครอบครัว ซึ่งถือเป็นการเคารพสิทธิส่วนบุคคลและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองเด็กด้วย โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กรณีของสื่อต่างชาติที่ไปสัมภาษณ์เด็กและพ่อแม่ถึงที่บ้าน ทราบว่าไม่ได้ประสานงานกับทางอำเภอแม่สายก่อน จึงเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมอย่างมาก ดังนั้น เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับสื่อมวลชนและสังคมได้เป็นอย่างดี 

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำว่า ไม่มีใครบังคับหรือจำกัดสิทธิของใครได้ แต่ถือเป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคลว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ และหน่วยงานของรัฐได้ชี้แจงแนวทางอย่างชัดเจนไปแล้ว พร้อมมอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ดูแลกวดขันเรื่องการดูแลเด็กตามหลักสากล รวมถึงการติดต่อขอสัมภาษณ์เด็กและครอบครัวให้มากขึ้น ซึ่งเบื้องต้นได้รับทราบว่าครอบครัวของเด็กก็ไม่สบายใจที่มีสื่อติดต่อขอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อการเรียนและชีวิตส่วนตัว ซึ่งทางจังหวัดเชียงราย ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 13 คน ประกอบด้วยผู้แทนจากหลายฝ่าย เช่น นักจิตวิทยา นักพัฒนาสังคม ฯลฯ และมีนายอำเภอแม่สาย เป็นหัวหน้าทีม จึงแนะนำให้ผู้ปกครองเด็กส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการของอำเภอ เพื่อช่วยพิจารณาถึงความเหมาะสมต่อไป

พล.ท.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี รับทราบแล้วว่า ขณะนี้มีบริษัทภาพยนตร์ต่างประเทศ และบริษัทของไทยส่วนหนึ่งมีความประสงค์จะจัดสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง โดยส่วนตัวมองว่าเรื่องนี้เป็นข่าวที่รับรู้ไปทั่วโลก และจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ทุกอย่างจะต้องวางแผนเตรียมการให้ดี เพื่อให้เกิดผลได้มากกว่าผลเสีย จึงจะมีการตั้งคณะกรรมการระดับชาติขึ้นมาดูแลเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งคณะรัฐมนตรี จะได้พิจารณารายละเอียดในเร็ว ๆ นี้