‘กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง’ มีจุดยืนไม่เอาเผด็จการ ไม่เอาเลือกตั้ง ปี 2562 ไม่รอช้า ขอจองกฐินตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. นัดระดมมวลชนคนรักการเลือกตั้งชุมนุม ในวันที่ 5 พ.ค.นี้ ที่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
‘วอยซ์ ออนไลน์’ นัด จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หนึ่งในหัวหอกคนรุ่นใหม่วัย 26 ปี มีประวัติเสี่ยงคุก เจอฟ้องรวดถึง 9 คดีที่เกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง และยังคงยืนเด่นโดยท้าทายอำนาจนอกรัฐธรรมนูญอย่างต่อเนื่อง
‘จ่านิว’ ยืนยันจะขอจับไมค์ ‘ซักฟอก คสช.นอกสภา’ แทน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีไว้ประทับตรายางผ่านกฎหมาย และคอยปรบมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี กลางสภา
ส่วนสรรพกำลัง ในเกมยาว การต่อสู้ทางการเมืองนอกสภาของภาคประชาชน กับ ‘คสช.’ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้ง จะเป็นอย่างไร
‘บัณฑิตสิงห์แดง’ ผู้ที่ยืนยันว่าจบหลักสูตรปริญญาตรีจากรั้วแม่โดมร้อยเปอร์เซ็นต์ พร้อมแจกแจงให้ฟังดังนี้
ภาพรวมการชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ในวันที่ 5 พ.ค. จะเป็นอย่างไร
จะยังไม่ปักหลักค้างคืน กิจกรรมซักฟอกรัฐบาลจะมีในช่วงเย็นถึงค่ำ ที่ลานปรีดีฯ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ตามที่ขออนุญาตการชุมนุม ก่อนจะมีการแถลงการณ์ต่อการเคลื่อนไหวในวันที่ 19-22 พ.ค.นี้ ช่วงครบรอบ 4 ปี คสช.ยึดอำนาจ ซึ่งจะยกระดับขึ้น
การอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมุ่งประเด็นที่พยายามจะยื้อการเลือกตั้งออกไป ความพยายามสืบทอดอำนาจ ความพยายมในการดูดกลุ่มขั้วการเมือง มุ้งต่างๆ ตามหัวเมืองของเจ้าพ่อในแต่ละภูมิภาค เข้าสู่พรรคทหารที่เตรียมการจัดตั้งไว้แล้ว โดยใช้ ครม.สัญจรเป็นเครื่องมือหาเสียง
ซึ่งต่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้้น ก็ไม่เสรีเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพราะที่ผ่านมาคสช.ใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือในการหาเสียงมาโดยตลอด ในขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ถูกบล็อกถูกสกัด ไม่สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองใดๆได้เลย การเลือกตั้งสกปรกแบบ พ.ศ. 2500 มีความเป็นไปได้ แน่นอนเรา จะต้องชี้ให้เห็นว่า ต้องไม่มี คสช.อยู่ในกระบวนการการเลือกตั้ง นับจากนี้ต่อไป
จุดยืนยังยืนยันต้องเลือกตั้งปี 2561 เหมือนเดิม
ใช่ แต่จะชี้ให้ลึกขึ้น ถึงกระบวนการการสืบทอดอำนาจ สิ่งที่เสนอไม่ใช่ลอยๆ นี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์พูดมาก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ยังไงการเลือกตั้งปีนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ถ้าไม่มีกระบวนการถ่วงหรือยื้อเวลาออกไป
ครั้งก่อนมีหน้ากากยุทธ์น็อกคิโอ เรียกเสียงฮือฮา คราวนี้จะมีเซอร์ไพรส์อีกไหม จะใช้อะไรเป็น ‘หมัดเด็ด’ในการน็อก พล.อ.ประยุทธ์
ต้องเซอร์ไพรส์กันอีกทีนึง ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมการ แต่มีแน่นอน ก็อย่างที่ผมเคยบอกเมื่อตอนไปกองทัพบกว่า สักวันหนึ่งเราต้องไปทำเนียบรัฐบาล ส่วนจะเป็นเมื่อไรยังต้องหารือกัน
หมัดเด็ดของผมคือคำพูด ทุกวันนี้มีช่องทางสื่อสารกับประชาชนมากขึ้น ทีเด็ดคือ ประเด็นที่ฝ่ายต่างๆไม่กล้าพูด จะถูกหยิบยกมาพูด เราไม่เกรงกลัวต่อการจัดการของรัฐบาล ที่ผ่านมาเรารับมือได้ เราสามารถพูดได้อย่างเต็มที่ในเรื่องที่คนอื่นพูดไม่ได้ คำสั่ง คสช.ไม่ใช่กรอบที่จะจำกัดการเคลื่อนไหวของเราได้
จะน็อกรัฐบาล คสช.ยังไง คสช.อยู่นานกว่าวาระรัฐบาลเลือกตั้งถึง 4 ปี
อาจจะน็อกแล้วก็มึนไปช่วงหนึ่ง แต่ด้วยเวลา 4 ปี เขาได้เสริมกลไกให้มีความเข้มแข็งขึ้นมาพอสมควร ความผิดพลาดของสังคมไทยอย่างหนึ่งคือ ปล่อยให้ คสช.อยู่นานเกินไป คนส่วนมากก็จะคิดว่า ปล่อยให้เศรษฐกิจมันแย่ไปก่อน จนลืมไปว่า ท้ายสุดความแย่เหล่านี้ในท้ายที่สุดคือประชาชน
ในวันที่มีแรงกลับรอให้เขาเพลี่ยงพล้ำก่อน พอวันที่เขาเพลี่ยงพล้ำประชาชนก็เริ่มหมดกำลังลงไปด้วย โดยเฉพาะปัญหาทางเศรษฐกิจ นี่คือข้อบกพร่อง นี่คือสิ่งที่สังคมต้องทบทวน เรียนรู้ไม่ให้เกิดรัฐประหารอีก หากจะมีก็ต้องคัดค้าน ไม่ควรปล่อยให้อยู่นาน 4 ปีขนาดนี้ เพราะถ้าประเทศชาติเสียหาย เศรษฐกิจพัง คนที่ได้รับผลกระทบก่อนก็คือประชาชน แล้วก็ไม่มีกำลังมาต่อต้าน คัดง้างผู้มีอำนาจ
เดือน พ.ค.นี้ ประชาชนจึงต้องฟื้นอำนาจ เพื่อต่อรองเอาอำนาจของตนเองกลับคืนมา มิเช่นนั้นอีก 4 ปีข้างหน้าก็อาจจะต้องอยู่กันแบบนี้ เหมือน 4 ปีที่ผ่านมา ที่เราไม่อาจเรียกร้องสิ่งที่เราพึงมีพึงได้อะไรเลย
"ต้องเซอร์ไพรส์กันอีกทีนึง ตอนนี้อยู่ในขั้นเตรียมการ แต่มีแน่นอน ก็อย่างที่ผมเคยบอกเมื่อตอนไปกองทัพบกว่า สักวันหนึ่งเราต้องไปทำเนียบรัฐบาล"
ภายใต้รัฐบาลทหาร 4 ปี กลุ่มคนอยากเลือกตั้งอ่อนกำลังลงไปบ้างไหม
กังวลอยู่เหมือนกัน เขาพยายามกระชับอำนาจ ทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองอย่างหนัก อย่างผมเองทุกวันนี้ ก็ต้องคอยไปขึ้นโรงขึ้นศาล พูดตรงๆ บางครั้งก็หมดแรงไประดับหนึ่ง ชีวิตแทนที่จะได้มานั่งคิดต่อยอดกับสิ่งที่สนใจ แต่กลับต้องหมดเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ถ้ารัฐบาลปล่อยหมัดเด็ดตลอดว่า ประเทศนี้จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งคนในสังคมก็จะมีเสียงสะท้อน ตลอดว่า เดี๋ยวจะมีการเลือกตั้งอยู่แล้ว จะออกไปทำไม แต่พอปล่อยไปแบบนี้ ปีต่อไปก็เลื่อนได้อีก
สิ่งที่ตัดกำลังคือ ความหวังที่บอกว่า จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้น ผมจึงต้องออกมายืนยันให้การเลือกตั้ง ต้องมีกำหนดเวลาที่ชัดเจน ไม่ใช่กำหนดเวลาที่เลื่อนลอย ความหวังลมแล้งๆเหล่านั้นคือสิ่งบั่นทอน
ถ้าให้ประเมินศักยภาพของ คนอยากเลือกตั้งกับพล.อ.ประยุทธ์ ใครจะพ่ายแพ้ก่อนกัน
พลังของประชาชนคือ พลังที่ไม่ตาย หากมองการต่อสู้นี้ในระยะยาว ผมว่า พวกเรายังมีอายุน้อยกว่า แม้คุณลุง คุณป้าบางคนอาจจะอายุเยอะกว่า พล.อ.ประยุทธ์ แต่เวลาทำให้เรามีความหวังมากกว่า
ความหวังของ พล.อ.ประยุทธ์คือ จะทำอย่างไรให้อยู่ในอำนาจได้นาน แต่ความหวังของเราคือ จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้อย่างไร ให้ชีวิตมีทิศทางที่ดี เมื่อเทียบกันแล้ว ประชาชนจะต้องอยู่ต่อไป
แต่อำนาจของ คสช.จะมีจุดสิ้นสุดลง ถ้าอยากให้เร็วประชาชนก็ต้องออกมาแสดงพลัง ต้องออกมาไล่ ถ้าไม่ออกมา เขาอยากจะไปเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ เพราะรัฐบาลทหารไม่มีวาระ 4 ปี เหมือนรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง
ฝ่ายความมั่นคงให้ข่าวถึงการเคลื่อนไหวเดือน พ.ค.นี้ สร้างความแตกแยกและอาจนำไปสู่ความรุนแรง
ต้องแบ่งเป็น 2 ส่วน เรื่องความแตกแยก เราไม่เคยต้องการ ใครที่พยายามโยนสีเสื้อให้ผมนั้น ต้องขอบอกผู้ใหญ่บางคนว่า พวกคุณอำมหิตมาก นี่คือความขัดแย้งที่สร้างกันขึ้นมา เรามาเรียกร้องอนาคตของเรา แต่พวกคุณก็พยายามจะมาให้ไปรวมกับความขัดแย้งของพวกคุณ
ขณะเดียวกันเมื่อผมออกมาเรียกร้องอนาคต เรียกร้องประชาธิปไตย คนพวกนี้ก็ป้ายผมทุกอย่าง ตั้งแต่ล้มเจ้า เป็นเสื้อแดง รับจ้างทักษิณ ทำไมคนเหล่านี้อำมหิตกับเราถึงขนาดนี้ พวกคุณต่างหากที่สร้างมา สิ่งที่ต้องการคือ ความสมานฉันท์ ที่ทุกคนยอมรับกติกา การแข่งขันทางการเมืองที่เสรีและเป็นธรรม ไม่ใช่ขี้แพ้ชวนตีเหมือนที่ผ่านมา แพ้ก็ต้องปฏิรูปตัวเอง ให้เป็นทางเลือกของประชาชน ไม่ใช่ไปสมคบคิดกันระหว่างกลุ่มการเมืองกับทหาร เพื่อมายึดอำนาจแบบที่เกิดขึ้น
การเคลื่อนไหวแบบสันติวิธีคือการออกมารวมตัวกัน ไม่ต้องการปะทะกับใคร ให้บาดเจ็บล้มตาย แค่ต้องการส่งเสียงข้อเรียกร้องเท่านั้น คำถามคือ มือที่สาม และทางเลือกของทหารในการสลายประชาชน จะมีหรือไม่ต่างหาก การสลายการชุมนุมทุกครั้งที่ผ่านมา เริ่มจากฝ่ายรัฐทั้งสิ้น ทีใช้อาวุธกับประชาชน โดยอ้างว่าประชาชนมีอาวุธ แต่คนตายคือคนมือเปล่าทั้งนั้น ถ้าผมคิดจะจับอาวุธสู้ หรือพาคนไปบาดเจ็บล้มตาย ผมจะไม่มาอยู่จุดนี้ ยืนยันได้เลย
"หมัดเด็ดของผมคือคำพูด ทุกวันนี้มีช่องทางสื่อสารกับประชาชนมากขึ้น ทีเด็ดคือ ประเด็นที่ฝ่ายต่างๆไม่กล้าพูด จะถูกหยิบยกมาพูด"
วิธีการที่จะทำให้คนอยากเลือกตั้งสลายตัว
ไม่มีการสลายตัว แม้หลังการเลือกตั้ง ก็จะมีการเคลื่อนไหวรูปแบบอื่นต่อไป หลังการเลือกตั้งยังไม่ไว้วางใจสถานการณ์ ยังคงต้องจับตาดู การสืบทอดอำนาจที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายคือ การคว่ำยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
ถ้า คสช. อยากสลาย ก็ต้องใช้วิธีดิบเถื่อนมากๆ กล้าหรือเปล่า คุณใช้ปืนมาไล่ยิงกลุ่มคนอยากเลือกตั้งไม่ได้แล้ว เกมทุกวันนี้เหมือนเล่นชักเย่อกันไปมา
เผด็จการยุคนี้คงเสียดายที่ไม่สามารถใช้อำนาจดิบเถื่อนได้เหมือนเผด็จการสมัยก่อน สิ่งที่เขาทำได้อยู่ทุกวันนี้คือ การลดทอนลิดรอนกำลังใจของพวกเราเท่านั้น
4 ปียึดอำนาจ อยากบอกอะไรกับคสช.
การรัฐประหารครั้งนี้ นอกจากจะเสียของ เสียชื่อ คสช. และประเทศชาติแล้ว ถามว่าวันนี้คนไทยไปไหนยังมีความภาคภูมิใจอีกหรือไม่ 10 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดความขัดแย้งทางการเมือง ที่ถูกสร้างมาโดยคนกลุ่มหนึ่ง เราเคยอยู่ในบทบาทนำของเอเชีย แต่วันนี้เรากลายเป็นผู้ป่วยของเอเชีย
เราเคยขึ้นชื่อเรื่องพัฒนการทางประชาธิปไตย แต่วันนี้ประเทศไทยกลายเป็นเผด็จการทหารที่เต็มไปด้วยการลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน เรากลายเป็นตัวอย่างแย่ๆ
เม็ดเงินทางเศรษฐกิจที่ดีก็เสียโอกาสไปไม่รู้เท่าไร ประชาชนแทบจะหมดตัว ถ้าคสช.ยังอยู่ต่อไป อาจจะสูญสิ้นประเทศไทยก็ได้ เพราะความไม่มีวิสัยทัศน์ของผู้มีอำนาจอย่าง คสช.
มีคนบอกว่ารับเงิน 'ทักษิณ ชินวัตร' มาเคลื่อนไหวทางการเมือง ?
'จ่านิว' สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ แจงข้อครหาดังกล่าวผ่าน 'วอยซ์ ออนไลน์' ว่า เมื่อตอนรัฐประหารปี 2557 เคยถูกตรวจสอบทางการเงิน เพราะมีบัญชีอยู่กับธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง
เขาบอกว่า บัญชีทางการเงินของเขาถูกทหารที่ตรวจสอบว่าทำไมมีเงินเคลื่อนไหวเดือนละ 2,000 บาท
เหตุการณ์ครั้งนั้น 'จ่านิว' ชี้แจงกับทหารว่า เป็นเงินที่เกี่ยวกับกู้ยืมเพื่อการศึกษา นี่คือผลที่เกิดขึ้นจากที่เขา ออกมาอยู่แถวหน้าต่อสู้กับ คสช.
"พลังเงียบที่คอยสนับสนุนเรา คือท่อน้ำเลี้ยงที่แท้จริง" จ่านิว เผย
นับแต่ปี 2557 จนถึงวันนี้ 'จ่านิว' ถูกคดีทางการเมืองรวมแล้วถึง 9 คดี
เหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองนับครั้งไม่ถ้วน 'จ่านิว' เคยถูกอุ้มเข้าค่ายทหาร บางครั้งเขาถูกทหารเตะใส่บ้าง
ครั้งหนึ่งของเหตุการณ์ที่ถูกจับปรับทัศนคติ ทหารถึงขั้นอารมณ์หงุดหงิดหลังขอร้องให้หยุดเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ 'จ่านิว' ไม่หยุด พร้อมทั้งกลับโต้เถียงใส่ทหารว่า คสช.ต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด
จ่านิว บอกว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นเคยถูกทหารยกปืนขึ้นมาขู่ชักลำกล้องต่อหน้า
แต่ทุกครั้งที่ถูกคดี เขาไม่เคยนอนในเรือนจำเลยแม้แต่ครั้งเดียว เต็มที่ก็นอนที่ห้องขังของโรงพักเท่านั้น
"ผมยังไม่เคยติดคุก เคยอาจเข้าไปเรือนจำมาบ้าง กระบวนการยุติธรรม ยังไม่อับจนขนาดนั้น ฝ่ายรัฐบาลพยายามลิดรอนสิทธิ แต่เราก็ต้องไปยืนยันสิทธิในทางยุติธรรม ขั้นตอนคัดค้านการฝากขัง ขอประกันตัว"
ถามย้ำว่า มีเทคนิคอะไรทำไมถึงรอดพ้นคุกในเรือนจำมาตลอด
'จ่านิว' บอกว่า "มันอาจจะไม่ใช่เทคนิค เราใช้สิทธิทางกฎหมายที่พอมีเหลืออยู่บ้าง ที่ผ่านมาอาจมีปัญหาอยู่บ้างแต่ก็ไม่อับจนเสียทีเดียว ยังพอเป็นช่องทางให้เราต่อสู้คัดง้างกับอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรมได้"
เป็นข่าวขึ้นสื่อมาตลอดทุกครั้งที่มีการต่อต้าน คสช. ทว่าอาชีพหลักของ 'จ่านิว'ในตอนนี้คือรับงานฟรีแลนซ์ ไม่ใช่เพียงแค่จับไมค์บนเวทีการชุมนุมเท่านั้น
"ขึ้นโรงขึ้นศาลขนาดนี้ ทำงานประจำไม่ได้ กลุ่มคนคอยโจมตีว่า ไม่ทำงานแล้วจะอยู่ยังไง ฝากไปบอกด้วย คนที่ชอบโจมตีผมว่า เรียนไม่จบ กูเกิลมี ผมขอความกรุณายกมือไหว้เลยนะครับ ช่วยเสิร์ชหน่อย"
ก่อนจบบทสนทนาทั้งหมด 'จ่านิว' ยังพูดถึงชีวิตส่วนตัวที่เดินตามท้องถนน เขาเคยเจอคนต่อว่าเขาอย่างเสียหาย แต่มีอยู่เพียง 1 ครั้งเท่านั้นที่เขาต้องตอบโต้กลับอย่างดุเดือด
"เดี๋ยวด่ามึงจบได้เพราะทักษิณ อีกวันก็บอกเมื่อไรมึงจะเรียนจบ ก่อนจะด่าช่วยหาข้อมูลนิดนึง" หัวหอกร่างท้วมของกลุ่มอยากเลือกตั้ง บอกเช่นนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง