ชาวคริสต์ประมาณ 100 คนถูกบุกจับกุมที่บ้านและบนท้องถนนทั่วเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับโบสถ์เออร์ลี เรน คัฟเวแนนท์ โดยช่วงค่ำของวันที่ 9 ธ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นบ้านของบาทหลวงหวังอี้ บาทหลวงประจำเออร์ลี เรน คัฟเวแนนท์ก็ถูกตำรวจบุกค้น นายหวังและภรรรยาถูกจับกุมตัว และสมาชิกโบสถ์ก็ถูกจับกุมในเวลาใกล้เคียงกัน ทางการจีนยังตัดสัญญาณโทรศัพท์ของโบสถ์ รวมถึงบล็อกบัญชีส่วนตัวและช่องทางการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียของนิกายนี้ในช่วง 21.00 น. ของวันเดียวกัน
มีรายงานว่านายจางกว๋อเฉียง ผู้ช่วยบาทหลวงเป็นหนึ่งในสมาชิกโบสถ์สองคนที่ได้รับการปล่อยตัวกลับบ้านแล้วในเช้าวันที่ 10 ธ.ค. หลังจากที่เขาถูกจับกุมช่วงกลางคืนของวันก่อนหน้านั้น แต่เจ้าหน้าที่ความมั่นคงก็ยังเฝ้าจับตานายจางอยู่ตลอดทั้งวันทั้งคืน โดยนายจางระบุว่า ตำรวจสั่งห้ามรวมตัวกันในโบสถ์นี้อีกต่อไป เพราะถือว่าโบสถ์นี้เป็นองค์กรผิดกฎหมาย
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นการปราบปรามโบสถ์นิกายโปรเตสแตนท์ที่ใหญ่ที่สุดนิกายหนึ่งของจีน โดยที่ผ่านมา โบสถ์เออร์ลี เรน คัฟเวแนนท์เป็นหนึ่งในไม่กี่โบสถ์คริสต์ที่ดำเนินการได้โดยไม่ถูกรัฐแทรกแซง แต่บาทหลวงหวังกับสมาชิกของโบสถ์นี้ก็เคยถูกจับกุมมาก่อนแล้ว เนื่องจากโบสถ์นี้เปิดให้ชาวคริสต์ไปร่วมพิธีกรรมทางศาสนากันอย่างเปิดเผย รวมถึงมีช่องทางสื่อสารออนไลน์ที่ชัดเจน แตกต่างจากโบสถ์โปรเตสแตนท์อื่นๆ ในจีนที่มักทำกันอยู่ใต้ดินและพยายามไม่ทำอะไรให้ทางการจับตามากนัก
จีนปราบปรามทุกศาสนา
ช่วงปี 2018 จีนปราบปรามและสั่งปิดโบสถ์หลายแห่ง รวมถึงปราบปรามกลุ่มศาสนาต่างๆ จำนวนมาก ถือเป็นปีที่มีการกดขี่ทางศาสนารุนแรงที่สุดในรอบทศวรรษ เมื่อเดือนก.พ. ทางการจีนได้แก้ไขระเบียบควบคุมกิจการศาสนา และให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมากขึ้นในการปราบปรามศาสนาจักร รวมถึงเพิ่มบทลงโทษสำหรับการ “รวมตัวกันทางศาสนาที่ไม่ได้รับอนุญาต”
รายงานประจำปี 2018 ของคณะกรรมมาธิการบริหารด้านจีนของสภาคองเกรส (CECC) ระบุว่านายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนพยายามปราบปรามความเชื่อต่างๆ เพื่อให้ประชาชนหันมานับถือแนวคิดเหมาอิสต์
ชาวพุทธทิเบตยังคงถูกกดขี่อย่างต่อเนื่อง ศรัทธาที่พวกเขามีต่อองค์ดาไลลามะถูกตีความว่าเป็นการแสดงความไม่จงรักภักดีต่อสาธารณรัฐประชาชนจีน และอาจถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ โดยปี 2017 ทางการจีนได้สั่งทุบทำลายหนึ่งในวัดทิเบตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และลดจำนวนพระสงฆ์และแม่ชีจาก 12,000 รูปเหลือไม่ถึง 5,000 รูป ส่วนคนที่นับถือฝ่าหลุนกงก็ถูกวาดล้างอย่างหนัก
ศูนย์ศึกษาศาสนายูดายในไคเฟิงก็ถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นปลดดาวดาวิดออก พร้อมทำลายห้องอ่านหนังสือ ชาวยิวในชุมชนไม่กล้ารวมตัวกันประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เนื่องจากทางการจีนไม่นับว่ายูดายเป็นศาสนา
แต่แม้ศาสนาอิสลามจะได้รับการรับรองจากทางการจีน แต่ชาวมุสลิมอุยกูร์หลายล้านคนในเขตปกครองพิเศษซฺนเจียงอุยกูร์ก็ก็ถูกกดขี่อย่างหนัก หลายคนถูกจับเข้าค่ายปรับทัศนคติ มีรายงานว่าพรรคคอมมิวนิสต์เข้าไปควบคุมรัฐบาลท้องถิ่นและธุรกิจในพื้นที่มากขึ้น รวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือในการกดขี่ชาวอุยกูร์ด้วย โดยนักสิทธิมนุษยชนมองว่า การปราบปรามชาวอุยกูร์ในยุคนี้เกือบมีความรุนแรงเทียบเท่ากับช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของจีน
ด้านเจ้าหน้าที่จากไชน่าเอด องค์กรคริสต์ของสหรัฐฯ ในจีน ระบุว่า การกดขี่ทางศาสนาในจีนรุนแรงขึ้นมาก โดยปีนี้มีชาวคริสต์ถูกจับกุมไปมากกว่า 10,000 คน เดือนก.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจสั่งปิดโบสถ์ไซออน หนึ่งในโบสถ์โปรเตสแตนท์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน ซึ่งมีคนเข้าโบสถ์นี้มากกว่า 1,500 คน ขณะที่ปี 2017 มีชาวคริสต์ถูกจับกุมประมาณ 3,000 คน
ในขณะที่หลายศาสนาถูกกดขี่อย่างหนัก เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา วาติกันได้ลงนามข้อตกลงกับรัฐบาลจีนที่จะให้ทางการจีนสามารถแต่งตั้งบิชอปท้องถิ่นได้ แลกกับการที่จีนยอมรับให้พระสันตะปาปาเป็นประมุขสูงสุดของคริสตจักรคาทอลิกในจีน ซึ่งโป๊ปฟรานซิสทรงอธิบายว่า ข้อตกลงนี้เป็นไปเพื่อรักษาศาสนาคริสต์ในจีน