ไม่พบผลการค้นหา
ติดตามข่าวการประชุมเอเปคใกล้ชิด อยากได้คำตอบ ท่านนายกรัฐมนตรีของเราช่วงชิงอะไรกลับคืนมาให้แก่ประเทศชาติได้บ้าง

โลกจับตาดูการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เพราะเป็นเวทีที่รวมผู้นำ 21 เขตเศรษฐกิจ และเป็นเวทีสำคัญที่ไทยจะแสดงศักยภาพของประเทศ ดึงดูดนักลงทุนและต่อรองผลประโยชน์นานาด้วย

แต่หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าไทยจะตกขบวนการพัฒนานี้ จนล้าหลังกว่าเวียดนามซึ่งดูจะ "หอมหวน" อยู่ในขณะนี้หรือไม่

เฟซบุ๊ก BBC Thai  พาดหัวข่าวข้างต้นพร้อมโปรยนำข่าว เผยแพร่แก่ชาวโลกตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.2560 อันเป็นวันที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประเทศไทย พร้อมคณะของท่านขึ้นเครื่องบินของกองทัพอากาศไทย ที่สนามบิน บน.6 ดอนเมือง มุ่งหน้าไปร่วมประชุมเอเปค ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ตัวผมสะท้านมากกับประโยคที่ว่า “หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าไทยจะตกขบวนการพัฒนานี้ จนล้าหลังกว่าเวียดนามซึ่งดูจะหอมหวน อยู่ในขณะนี้หรือไม่”

ประเทศไทยจะล้าหลังเวีดนาม

ผมนักข่าวคนไทย อยู่อาศัยในประเทศไทย ก็ขอชื่นชมนักเขียนของ BBC Thai นะครับว่าท่านชูประเด็นได้แหลมคมมาก ตัวผมเมื่อได้อ่านสกู๊ปข่าวของบีบีซีไทยแล้วก็ติดตามข่าวการประชุมเอเปคใกล้ชิด อยากได้คำตอบ ท่านนายกรัฐมนตรีของเราช่วงชิงอะไรกลับคืนมาให้แก่ประเทศชาติได้บ้าง ก็ยังไม่เห็นมีข่าวจากสื่อของรัฐบาลอย่างเป็นกอบเป็นกำ มีแค่ว่าท่านนายกฯ พอใจความสำเร็จในการประชุมเอเปคนี้เท่านั้น

แล้ว 11 พ.ย.2560 BBC Thai ก็พาดหัวข่าวอีกชิ้นว่า  “เอเปคและเวียดนาม จุดหมายลงทุนแห่งใหม่แทนไทย?”

โปรยนำข่าวไว้ความว่า

ในฐานะเจ้าภาพเอเปคครั้งนี้ รัฐบาลสังคมนิยมของเวียดนามต้อนรับการเยือนของ 3 ผู้นำมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ตั้งแต่ 10 พ.ย. ในขณะที่กว่าสามปีของรัฐบาลทหารของไทย ยังไม่มีโอกาสนี้ ภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเปลี่ยนแปลง จะทำให้เวียดนามแซงหน้าไทยในด้านการลงทุน และความมั่นคงของภูมิภาคได้หรือไม่

หากไม่นับรวมผลประโยชน์โดยตรงจากการเป็นเจ้าภาพเอเปคในครั้งนี้ของเวียดนาม งานศึกษาหลายชิ้นสะท้อนให้เห็นศักยภาพของเวียดนามที่จะก้าวล้ำนำหน้าประเทศไทยในอีก 10 ปีข้างหน้า

สามปีของรัฐบาลทหารของไทย ยังไม่มีโอกาสนี้

ตัวผมเป็นประชากรประเทศไทยอ่านท่อนนี้แล้วก็เศร้าครับ

ประโยคนี้แหละครับที่ผมฉกมาเป็นประเด็นในวันนี้ เพื่อชี้ให้คนไทยได้เห็นร่วมกันว่า ไทยแลนด์สูญเสียอะไรไปบ้างใน 3 ปีที่ผ่านมา จนชาติเรา ชาติที่เคยเป็นที่ 1 ในอาเซียน กลายเป็นที่โหล่ใน 10 ชาติอาเซียน เมื่อดูตัวเลขเติบโตทางเศรษฐกิจ และอีก 10 ปี เวียดนามจะล้ำหน้าไทย

ศูนย์ดำรงรรม ทุกแห่งของกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่กระทรวง ริมคลองหลอด และทุกจังหวัด รวมทั้งที่ท่านมีหนังสือด่วนที่สุด สั่งให้ 50 เขต กทม.เปิดให้ประชาชนมาตอบคำถาม 6 ข้อของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เปิดแล้ว 8.30 น 13 พ.ย.2560 แล้ว โดยผู้ที่จะได้ตอบจะต้องแสดงบัตรประชาชนแก่เจ้าหน้าที่ก่อน

ในข่าวของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ มีค่าต่อตัวผมมาก เสนอข่าวไว้ว่า น.ส.สุนันทา หิรัญบำรุง อายุ 70 ปี เดินทางจากเขตภาษีเจริญ เป็นคนแรก ที่มาตอบคำถามที่ศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย  ตอบแล้วก็ให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงความดีของการที่ท่านนายกฯ ให้ประชาชนได้มีโอกาสได้ตอบคำถาม และน.ส.สุนินทาได้พูดตอบท้ายไว้ว่า

“อยากให้นายกฯ ลงสู่สนามเลือกตั้งเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชน”

ผมอ่านข่าวมาถึงตรงนี้ ก็อมยิ้มอยู่คนเดียว ชื่นใจที่ได้เห็นคุณพี่สุนันทาเชื่อมั่นใจการเลือกตั้ง และปรารถนาอยากให้พลเอกประยุทธ์ลงสมัรครับเลือกตั้งเพื่อเป็นทางเลือกของประชาชน

พี่สุนันทาครับ ถ้าท่านพลเอกประยุทธ์ จะลงสมัคร ส.ส.ให้ประชาชนกาคะแนนให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ กับลาออกจากการเป็นสมาชิกคสช.ก่อนยื่นใบสมัคร 90 วัน ท่านจะลาออกรึไม่ก็ยังไม่รู้ สำหรับตัวผมนั้นอยากให้ท่านลงสมัครครับ เพราะการได้เป็นส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร มันจะทำให้ตัวท่านหล่อมาก 

ย้อนกลับไปหาข่าวของ บีบีซีไทย ทำไมผมหยิบมาก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในขณะที่เราหลายๆคนกำลังง่วนอยู่กับการชี้และวิเคราะห์ว่า พลเอกประยุทธ์ถามคำถาม 6 ข้อเพราะอะไร เพราะอยากอยู่ต่อใช่มั๊ย ด่านักการเมืองใช่มั๊ย ซึ่งผมเขียนไว้ในวานนี้ ไม่ต้องวิเคราะห์แล้ว เพราะคนอื่นไม่มีพรรควุฒิสมาชิก 250 คน

อีกเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นว่าคอการเมืองไทยใส่ใจ และเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยมากในขณะนี้ก็คือ เสนอความคิดให้ท่านพลเอกประยุทธ์ปรับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจ และสารพัดโพลล้วนกระหน่ำเข้าใส่ “พี่กับเพื่อน” ของท่านพลเอกประยุทธ์อย่างแรงมากๆ ซึ่งผมก็ขอรีบแสดงความคิดเห็นว่า ท่านพลเอกประยุทธ์อย่าทิ้งพี่กับเพื่อนนะครับ 

23472755_1623363741055411_8846811628281144589_n.jpg


พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ และนายพลคนอื่นๆที่เป็นรัฐมนตรีอยู่ในคณะรัฐมนตรีล้วน คือ เพื่อนตาย เสี่ยงตายร่วมกันมา จะทิ้งใครไว้กลางทางไม่ได้ ขอให้นึกถึงเกียรติยศของทุกคนด้วย มันจะเจ็บมากนะครับ เพราะไม่ว่าจะถูกเขี่ยทิ้งด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คำค่อนขอดก็จะคือ ไม่มีฝีมือ จะเสื่อมกันหมดทั้งนามสกุล ลูกกับหลานที่เคยภาคภูมิใจในบรรพบุรุษจะเศร้าหมอง

ประเทศไทย เหล่านายพลของคณะรัฐประหารไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่เพิ่งเกิดในรัฐบาลชุดนี้ เป็นมาตั้งแต่สมัยจอมพล ป พิบูลสงคราม แล้วครับท่าน

ผมชอบคุณพี่ วาสนา นาน่วม นักข่าวสาวสายทหารที่เก่งที่สุด แห่งค่าย Bangkok Post เป็นที่สุด เช้า 13 พ.ย.2560 พี่วาส ลงรูป พลเอกประวิตร เดินคู่กับพลเอกอนุพงษ์ ขณะมาถึงทำเนียบรัฐบาล แล้วเขียนบรรยายรูปไว้ว่า โดน ทั้งพี่ ทั้งน้อง !!

บิ๊กป้อม พี่ใหญ่ เดินเคียงข้าง บิ๊กป๊อก น้องรอง.... เปรย ตกเป็นเป้า ทั้งคู่...โดนทั้งคู่ แต่ บิ๊กป๊อก ....นิ่ง 

สำหรับคนที่เป็นคอการเมืองอ่านแล้วจะเก็ตมาก บาดลึกที่สุด ผมก็รีบฉกรูปของพี่วาสมาลงเพื่อช่วยส่งสารไปถึงท่านพลเอกประยุทธ์ว่า อย่าทิ้งพี่ ทิ้งนาย ทิ้งเพื่อน เพื่อเอาตัวรอดนะครับ

ขอให้ท่านพลเอกประยุทธ์อ่านสกู๊ปข่าวของบีบีซีไทยทั้ง 2 สกู๊ปให้ซึ้งๆ แล้วจะรู้ว่าความสำเร็จ และการไม่เคยได้รับโอกาสเหมือนที่เวียดนามได้รับตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มันไม่ได้เป็นเพราะ พลเอกประวิตร เป็นตัวถ่วง หรือพลเอกท่านอื่นๆก็ไม่ได้เป็นตัวถ่วง แม้จะให้อยู่ต่อ หรือให้เปลี่ยนกะทรวง หรือให้หายตัวไปเลย ก็จะไม่ทำให้อะไรดีขึ้นอย่างปุบปับ เพราะแท้จริงแห่งสถานการณ์ก็คือ “ระบอบการปกครอง” 

นักลงทุนต่างชาติเขาดู ความมั่นคงทางการเมือง ความมั่นคงนโยบายเศรษฐกิจ ก็เลยแห่ไปเวียดนามแทนไทย

นักลงทุนต่างชาติไม่ได้โง่หรอกครับ 

ฉลามเขียว

13 พฤศจิกายน 2560

ฉลามเขียว
0Article
0Video
0Blog