วันที่ 3 ก.พ. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า ได้คุยกับ ‘ฮุน มาเนต’ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยู่ตลอด เมื่อสักครู่เพิ่งคุยกับผู้ช่วยท่านไป และต้องยอมรับว่า อุปกรณ์ รวมถึงองค์ความรู้ของกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ของเขาไม่เทียบเท่าเราในด้านอุปกรณ์หรือปัจจัยเทียบเท่าเรา 

เศรษฐา เปิดเผยว่า ทางการกัมพูชามีความใส่ใจในเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เหมือนกับเรา โดยวันที่ 7 ก.พ.นี้ จะมีการพูดคุยร่วมกันว่า จะช่วยเหลือกันได้อย่างไรบ้าง และรัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนกัมพูชา เพราะหากเราไม่ช่วย ประเทศเพื่อนบ้านกันก็จะเดือดร้อนด้วย ย้ำว่า เราเป็นเพื่อนบ้านที่ดีมาโดยตลอด ต้องช่วยเหลือแน่นอน 

ส่วนในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่สถานการณ์ฝุ่นทวีความรุนแรงมากขึ้นนั้รโดยวันอังคารนี้ (6 ก.พ.) จะนำเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะมีข้อสั่งการหลายเรื่องเกี่ยวกับ ’Native Intensive‘ หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกลงโทษ รวมถึงสินค้าเกษตรต่างๆ หากพิสูจน์ทราบได้ว่า มีการเผาเกิดขึ้นเราก็จะไม่ให้มาตรการช่วยเหลือทางการเกษตร

เศรษฐา กล่าวว่า ภาคอุตสาหกรรมให้ความร่วมมือเต็มที่ แต่ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาที่สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจ เพราะพี่น้องประชาชนต้องมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้นจากการไม่เผา ซึ่งไม้ขีดก้านเดียวนั้นง่าย และราคาถูกต่อการกำจัดซากวัชพืช และรัฐบาลได้ให้องค์ความรู้ไปแล้วในสิ่งที่ประชาชนทำไม่ถูก 

ทั้งนี้ในระยะหลังรัฐบาลขอความช่วยเหลือจากกองทัพในการลำเลียงซากวัชพืชจากโรงงานทำไบโอดีเซล ทำถ่านไร้ควัน ทำปุ๋ย ซึ่งต้องมีรถยนต์ไปขนซากเหล่านี้ออกมา ซึ่งมีการช่วยกันอยู่