นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค สรุปผลการเดินคารวะแผ่นดิน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2561 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยกับประชาชนในพื้นที่ทั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ภาคใต้ และภาคกลางบางส่วน พบว่ามีเรื่องที่ต้องรายงานต่อสังคม คือ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งชาว กทม.โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานคนเดียว แต่มีภาระต้องดูแลทั้งครอบครัว ผู้สูงอายุและบุตรหลาน ทำให้รายได้ไม่เพียงพอสำหรับการดำรงชีวิต ส่วนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าใน กทม. แจ้งว่าเศรษฐกิจในระดับล่างไม่ดี ค้าขายตกต่ำ ซึ่งหากสภาพแบบนี้ยังดำรงอยู่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

นายสุเทพ กล่าวว่า ต่างจังหวัดนั้นประสบปัญหาหนักกว่าคน กทม. เรียกว่าสาหัส เพราะคนส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรได้รับผลกระทบมากจากภาวะพืชผลตกต่ำอย่างต่อเนื่องหลายปี รายได้แต่ละครอบครัวลดลงจนกระทบถึงความมั่นคงในเศรษฐกิจครอบครัว พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน สับปะรด มะพร้าว เป็นต้น ตกต่ำเกษตรกรขายไม่คุ้มทุน จึงทำให้ครอบครัวเกษตรกรจนลง

นอกจากนี้ครอบครัวผู้ทำอาชีพประมง ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ประชาคมยุโรปกดดันให้ประเทศไทยออกระเบียบมาตรการต่างๆ ทำให้ชาวประมงจำนวนมากไม่สามารถประกอบกิจการได้ต่อไป ชาวประมงจำนวนมากต้องหยุดเดินเรือ ส่งผลกระทบต่อครอบครัวและเจ้าของกิจการ รวมถึงกระทบกับจำนวนเงินหมุนเวียนในพื้นที่

อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวว่า กำลังซื้อปัจจุบันตกต่ำจนถึงขีดสุด พ่อค้าแม่ค้าขายไม่ได้ ยอดขายตกต่ำกว่าครึ่ง สรุปเศรษฐกิจระดับล่างของไทยไม่ดีอย่างมาก เรียกว่าซบเซา พ่อค้าแม่ค้าทุกจังหวัดทุกอำเภอเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเรื่องรายได้ของประชาชนข้างล่างที่ไม่พอเพียงต่อการดำรงชีวิต เพราะหากไม่แก้ปัญหาจะทำให้เศรษฐกิจฟุบ

นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการทำให้ตระหนกตกใจ หรือตำหนิใคร แต่ต้องการให้สังคมตระหนักว่าปัญหาเหล่านี้คือปัญหาใหญ่ เราจะทุ่มเททำงานเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจมหาภาพอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องให้น้ำหนักในการพัฒนาในเศรษฐกิจระดับจุลภาค ครอบครัว และท้องถิ่นด้วย