ไม่พบผลการค้นหา
กรมการขนส่งทางบก เผยเพียง 5 วัน ของการเปิดรับลงทะเบียน ผู้ประสงค์ขอจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ครั้งที่ 3 มีผู้ยื่นคำขอแล้วกว่า 3,000 รายชี้เปิดรับลงทะเบียนถึง 31 ส.ค.นี้

นายจงรักษ์ กิจสำราญกุล รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการดำเนินการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร ตามที่คณะกรรมการจัดระเบียบรถจักรยานยนต์สาธารณะในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ดำเนินการด้วยการเปิดรับลงทะเบียนการขอจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะครั้งที่ 3 สำหรับให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่ยังไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ยื่นความประสงค์ขอเพิ่มจำนวนผู้ขับขี่ในวินเดิม หรือขอจัดตั้งวินใหม่ เพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างครอบคลุมภายใต้การกำกับดูแลจากภาครัฐอย่างเข้มงวด ซึ่งได้กำหนดระยะเวลารับลงทะเบียน ณ สำนักงานเขตกรุงเทพมหานคร ที่วินตั้งอยู่ ภายในวันที่ 31 ส.ค. 2561 ในวันและเวลาราชการ 

พบว่า เพียง 5 วัน (ตั้งแต่ วันที่ 2-6 ก.ค. 2561) ของการเปิดรับลงทะเบียน มีผู้สนใจยื่นความประสงค์เพื่อขอจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะในวินเดิมในเขตกรุงเทพมหานครแล้วทั้งสิ้น 3,038 ราย ส่วนการขอจัดตั้งวินใหม่ขณะนี้มีจำนวน 5 วิน สมาชิกรวม 39 ราย โดยจะมีคณะกรรมการฯ ตรวจสอบสิทธิและออกหนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะให้แล้วเสร็จภายใน 31 ต.ค. 2561  

ทั้งนี้ สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างบางรายที่มีรายชื่อในบัญชีเดิมจากการลงทะเบียนรอบแรก แต่ยังไม่ได้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะ ต้องยื่นความประสงค์ใหม่ทั้งหมด 

สำหรับหลักฐานที่ใช้ในกรณีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขอจัดตั้งวินใหม่ ได้แก่ แผนผังพร้อมรูปถ่ายแสดงที่ตั้งวินและแผนผังการจอดรถ หนังสือให้ความยินยอมให้ใช้พื้นที่ในกรณีเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล รายชื่อผู้ขับรถในวิน พร้อมสำเนาใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ยังไม่สิ้นอายุ สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือหลักฐานการได้มาของรถ เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่าซื้อ หนังสือรับรองการเช่าซื้อ เป็นต้น และเส้นทางหรือท้องที่ในการวิ่งให้บริการ โดยผู้ขอจะต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ 

ส่วนกรณีการเพิ่มผู้ขับขี่ในวินเดิมใช้สำเนาใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ยังไม่สิ้นอายุ สำเนาใบคู่มือจดทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดความจุในกระบอกสูบรวมกันไม่เกิน 125 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีชื่อผู้ขับรถเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครอง หรือต้องมีหลักฐานการได้มาของรถที่มีชื่อผู้ขับรถเป็นผู้ซื้อหรือเช่า