เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทอาลีบาบา บริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนสร้างกิจกรรมกระตุ้นยอดขายสินค้า และทำรายได้มูลค่ามากถึง 25,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากวันเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 40 โดยวันที่ 11 เดือน 11 เป็นวันที่อาลาบาบาโปรโมทแคมเปญลดราคาวันคนโสดขึ้นมาเพื่อกระตุ้นการขายโดยเฉพาะ และกลายเป็นวันที่กระตุ้นยอดขายสินค้าออนไลน์ได้มากกว่าวันแบล็กฟรายเดย์ หรือวันศุกร์หลังจากสิ้นสุดเทศกาลขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐฯ เสียอีก

ยอดขายวันคนโสดที่เพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ในปีนี้มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อาลีบาบาตั้งใจใช้ลาซาดา ซึ่งอาลีบาบาถือหุ้นอยู่ร้อยละ 83 รุกตลาดภูมิภาคนี้ เพราะลาซาดากับอาลีบาบามองเห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วมาก โดยลาซาดาและอาลีบาบามุ่งตีตลาดชนชั้นกลางในภูมิภาคที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าที่หลากหลาย และมีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ จากที่ผ่านมา สินค้าหลายอย่างมีขายแต่ในต่างประเทศหรือในเมืองใหญ่เท่านั้น

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของลาซาดาระบุว่า โปรโมชั่นวันที่ 11 เดือน 11 ถือเป็นการปฏิวัติการขายออนไลน์ของลาซาดา ด้วยการเสนอโปรโมชั่นที่หลากหลายจากแบรนด์ดังให้ลูกค้า ตั้งแต่โทรศัพท์ เสียวหมี่ ไปจนถึงเครื่องสำอางลอรีอัล และจะมีการจัดโปรโมชั่นยาว 4 สัปดาห์

นอกจากนี้ ลาซาดายังเตรียมแคมเปญใหม่รับวันที่ 12 เดือน 12 วันแห่งการช็อปปิ้งแห่งชาติของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นวันที่ลาซาดากำหนดขึ้นเองเช่นกัน ลาซาดาเดินตามรอยเท้าของอาลีบาบาด้วยการสร้างอีเวนท์ที่จะทำให้คนสนุกกับการใช้จ่าย รวมถึงการจัดรายการสดบนโทรทัศน์กระตุ้นให้คนรอวันเริ่มแคมเปญ ในไทยก็มีการจัดงานรื่นเริงโปรโมทโดยนำศิลปิน นางแบบ คนดังไปร่วมกันโปรโมทให้คนเฝ้ารอวันที่จะได้ฉกฉวยโอกาสที่สินค้าลดราคากัน ตั้งแต่เที่ยงคืน โดยมีจุดประสงค์ที่จะทำให้ผู้ซื้อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่รู้ว่า การจับจ่ายออนไลน์ไม่เพียงแต่สะดวก แต่ยังสนุกอีกด้วย

ลาซาดาเปิดเผยว่า ยอดขายของลาซาดาในวันคนโสดสูงถึง 123 ล้านดอลลาร์ และในวันแรกของแคมเปญ ลูกค้าลาซาดาซื้อของตั้งแต่โทรศัพท์มือถือ ผ้าอ้อมเด็ก ไปจนถึงเสื้อผ้ามากถึง 6,500,000 ชิ้น จากเถาเป่า คอลเลกชั่นของอาลีบาบา ทำให้รายได้เติบโตมากถึง 191% และรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกในช่วงเวลา 1 เดือนนี้

หัวหน้าเจ้าหน้าที่การตลาดของลาซาดาระบุว่า ตัวเลขยอดขายที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การมีส่วนร่วมของลูกค้า เพราะแคมเปญเหล่านี้เป็นการสร้างช่วงเวลาที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะมีวิธีใหม่ๆ ในการปฏิสัมพันธ์กัน