สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงาน ว่าหลังจากถูกพายุหิมะพัดเข้าถล่มมหานครชิคาโก มลรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งมีพื้นที่ติดทะเลสาบมิชิแกนยาวตลอดแนว เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในตอนกลางและตะวันตกของสหรัฐฯ โดยขณะนี้ หิมะได้ปกคลุมสูง 9 นิ้ว เต็มพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการเผชิญพายุหิมะครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559
มีรายงานข่าว ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 ราย รายแรกเป็นชายอายุระหว่าง 60-70 ปี เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน หลังจากออกไปกวาดหิมะบริเวณหน้าบ้าน ในเมืองเนเปอร์วิลล์ มลรัฐอิลลินอยส์
ส่วนอีกหนึ่งรายเป็นผู้หญิงวัย 33 ปี เสียชีวิตจากรถชน บริเวณเมืองเฟนทันของมลรัฐมิชิแกน เนื่องจากสภาพอากาศเป็นอุปสรรคต่อการขับขี่อย่างรุนแรง นอกจากนี้ยังมีรายงานอุบัติเหตุบนท้องถนนอีกหลายกรณีโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนทางด่วนและถนนทางหลวงสายสำคัญ
นายไบรอัน เฮอร์ลี นักอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ กล่าวว่าสถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง เพราะพายุหิมะครั้งนี้มีทีท่าจะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวไปยังเขตนิวอิงแลนด์ และจะมีหิมะตกลงมาเพิ่มอีกราว 4 - 5 นิ้ว ในพื้นที่ภาคกลางตะวันตกตอนบน
โดยจากการพยากรณ์อากาศ ระบุว่าในนครนิวยอร์ก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความชื้นในปริมาณที่มาก อาจมีหิมะตกสะสมสูงสุดถึง 1 ฟุต
ส่วนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือการบิน เว็บไซต์ Flight Aware ได้ประกาศไว้หน้าเว็บไซต์ว่าขณะนี้มีการยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วอย่างน้อย 1,600 เที่ยวบินในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเที่ยวบินที่เดินทางเข้าและออกจากชิคาโกมากถึง 1 ใน 3 ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมดที่ถูกยกเลิก ส่วนโรงเรียนรัฐบาลในนครชิคาโกถูกสั่งปิดเป็นการชั่วคราวแล้วทั้งหมด
นอกเหนือจากภูมิภาคนี้แล้ว ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีผู้เสียชีวิตในภูมิภาคต่างๆ ของสหรัฐฯ จากอุบัติเหตุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศฤดูหนาวในปีนี้ อาทิ ในมลรัฐไอโอวา มีผู้เสียชีวิต 6 ราย มิสซูรี 2 ราย และมอนทานาอีก 1 ราย