ทันทีที่มีสัญญาณเตรียมกลับสู่การเลือกตั้ง โดยมีการหยั่งเชิงเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ออกมาส่งสัญญาณตรงกันว่าน่าจะเป็นการจัดการเลือกตั้ง ก่อนที่จะมีเลือกตั้งใหญ่ตามโรดแมป

ถึงแม้อาจจะยังต้องรอกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นให้แล้วเสร็จแล้วจึงกำหนดดวันเลือกตั้งอีกครั้ง แต่สัญญาณของฝ่ายความมั่นคง กับเริ่มมีความเข้มข้นโดยยกเรื่องสถานการณ์ทางบ้านเมืองมาเป็นข้ออ้างในการกระชับอำนาจอีกครั้งหนึ่ง

ดังที่ วันนี้ (15 พ.ย.)พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าจากกระแสข่าวที่อ้างว่ามีการบิดเบือนการทำงานของคสช.นั้น มีทั้งการพูดไม่ตรงกับความจริงและการให้คำแนะนำที่ดี  ส่วนที่จะมีเรียกบุคคลเข้าไปปรับทัศนคติหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้ แต่ในกรอบงานก็ไม่มีปัญหาอะไร

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามเรื่อง การปลดล็อคคำสั่ง คสช.ให้จัดการเลือกตั้งท้องถิ่น จะปลดล็อคคำสั่งดังกล่าวในระดับหนึ่ง โดยให้หาเสียงเฉพาะพื้นที่ท้องถิ่นเท่านั้น และต้องขอความร่วมมือ ในการควบคุมเนื้อหา ให้งดสร้างความขัดแย้งกับ คสช.

สอดรับกับท่าทีของทางตำรวจ ที่พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ออกมาแถลงข่าวหลังพล.อ.ประวิตรยกเรื่องดังกล่าวมาพูดว่า มีหนังสือด่วนมากถึงทุกหน่วยในสังกัด ให้ติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคล หลังมีข้อมูลว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทำการปลุกระดมมวลชน เพื่อเตรียมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล โดยกล่าวว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีพฤติกรรมบิดเบือนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในรัฐบาล

และให้จับตาทั้งทางออนไลน์และชุมชนต่างๆ โดยสั่งว่าระหว่างสืบสวน ติดตามความเคลื่อนไหว หากมีบุคคลใด แกนนำ หรือผู้ให้การสนับสนุน มีพฤติการณ์เข้าข่ายอาจกระทำผิดกฎหมาย หรือจะยกระดับสู่ความวุ่นวาย รุนแรง ให้ดำเนินการ พร้อมรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น โดยให้รายงาน ผบ.ตร. ผ่าน ผบช.ส. ทราบทุก 15 วัน และให้เริ่มรายงานผลครั้งแรกวันที่ 30 พ.ย. นี้

ซึ่งทั้งหมดดังกล่าวสอดคล้องกับการเปิดให้ตอบคำถาม 6 ข้อ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ในคำถามข้อที่ 4 ที่ว่า "การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต มาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่? เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่ คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามา เราได้พบเห็นแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง การแบ่งแยกประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่ ?"

และการตั้งคำถาม 6 ข้อของพล.อ.ประยุทธ์ ถูกมองจากพรรคการเมืองว่าเป็นการหยั่งเชิงเพื่ออยู่ต่อ-หยั่งเชิงพรรคนอมินีทหาร โดยสองพรรคการเมืองใหญ่ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย ออกมาให้ข่าวตรงกันว่ามีเบาะแสการขนคนเข้าไปร่วมตอบคำถาม 6 ข้อของนายกฯ

เป็นสัญญาเข้มๆจากฝ่ายผู้ถืออำนาจทั้งทหารและตำรวจ ต่อความไม่มั่นใจจากการมีกระแสที่จะต้องผ่องถ่ายอำนาจสู่ระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ทั้งที่กุมความได้เปรียบในกฎหมายที่คสช.เป็นคนร่าง และกลไกต่างๆที่ควบคุมได้อย่างเต็มที่ ถ้าไปไกลกว่านั้นอาจจะเป็นข้ออ้างในการอยู่ต่อเพื่อรักษาความสงบต่อไป