พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมแนวทางแก้ไขการว่างงานของผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ณ ห้องประชุมประสงค์ รณะนันทน์ ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน โดยได้เปิดเผยถึงข้อมูลภาวการณ์มีงานทำของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในเดือนพฤษภาคม 2561 ว่ามีจำนวนคนว่างงานที่จบปริญญาตรีมากที่สุด จำนวน 170,900 คน กระทรวงแรงงานเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะแก้ไขปัญหาการว่างงานของผู้จบปริญญาตรี ซึ่งจะต้องร่วมมือกับหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีสาเหตุหลัก อาทิ การเปลี่ยนงานบ่อย รองานเนื่องจากลาออกจากงานเดิม การเลือกเรียนและจบในสาขาที่ไม่ตรงกับตลาดแรงงาน เลือกเรียนตามกระแส ค่านิยม หรือเรียนตามเพื่อน เลือกงานหรือต้องการทำงานที่สบาย และเงินเดือนสูงๆ รวมทั้งพฤติกรรมเด็กรุ่นใหม่ไม่ชอบทำงานที่อยู่ในกรอบ เป็นต้น
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน มีแนวทางการแก้ไขปัญหาว่างงานของผู้จบปริญญาตรีซึ่งกำหนดไว้ 2 ระยะ คือ ระยะเร่งด่วนภายใน 3 เดือน ได้แก่
1.แนะแนวอาชีพและส่งเสริมอาชีพอิสระให้บัณฑิตมีงานทำ มีรายได้ จำนวน 2,000 อัตรา
2.จับคู่ตำแหน่งงาน (Matching) ระหว่างผู้ที่กำลังหางานทำกับนายจ้างสถานประกอบการ ผ่านศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย เว็บไซต์ http//:smartjob.doe.go.th และ Job box ของกรมการจัดหางาน 20,000 อัตรา ตำแหน่งงานในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ (EEC) 4,500อัตรา จัดนัดพบแรงงานในสถานศึกษา (Job Fair) 20,000 อัตรา ตำแหน่งงานในเครือข่าย อาทิ JobDB,BKK job,Jobtopgun,Adecco รวม 28,000 อัตรา ความร่วมมือกับ Line Jobs เพิ่มช่องบริการรับสมัครงานผ่านไลน์ 20,000 อัตรา ตำแหน่งงานในต่างประเทศอีก 500 อัตรา
3. กรมพัฒนาฝีมือแรงงานจะบูรณาการกับสถานศึกษาเพื่อเพิ่มทักษะ (Up skill/Re-skill) แก่บัณฑิตที่แจ้งความประสงค์ฝึกอาชีพเพื่อให้ตรงกับความต้องการของสถานประกอบการ ในหลักสูตรระยะสั้นฝึกอบรมอย่างน้อย 10 วัน อาทิ หลักสูตรภาษาอังกฤษ คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีดิจิทัล อินโฟกราฟฟิก เทคนิคการนำเสนอ เป็นต้น เป้าหมาย 5,000 คน
"ในระยะยาวภายใน 1-2 ปี กระทรวงแรงงานจะบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการในการแนะแนวอาชีพให้แก่นักเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา รวมทั้งปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการ การเชื่อมโยงฐานข้อมูลกำลังคนระหว่างภาครัฐด้วยกันและภาคเอกชน การสร้างจิตสำนึกนักเรียน นักศึกษา และครอบครัวให้มีทัศนคติในการเลือกศึกษาต่อหรือเลือกประกอบอาชีพตามความรู้ ความสามารถ เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เร็ว สร้างนิสัยการเรียนรู้ตลอดชีวิตและการทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ผลักดันกฎหมายส่งเสริมการมีงานทำ ปรับปรุงหลักสูตรให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเพิ่มทักษะด้านความรู้ความสามารถและการเรียนรู้ตลอดชีวิต" พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ยังกล่าวว่า จะมีการขยายความร่วมมือกับโรงงานและสถานประกอบการในรูปแบบทวิภาคีตามโครงการ 3 ม. (มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม) เพื่อให้นักเรียน นักศึกษาและประชาชนได้มีงานทำในสถานประกอบการ ควบคู่ไปกับการศึกษาต่อในสถานศึกษา ช่วยให้มีวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้น และมีรายได้ระหว่างเรียนอีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม