เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดเลย กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พรรคเพือไทยได้ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 โดยที่ตนได้อภิปรายสอบถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องพลังงาน แต่ยังไม่ได้รับคำตอบ จึงอยากขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้แจงเรื่องพลังงานให้ครบถ้วนจริงๆ

โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้ทะลุ 100$ ต่อบาเรล หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนตามที่ได้เตือนแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้คิดหรือยังว่าจะช่วยประชาชนอย่างไร เพราะราคาน้ำมันอาจจะพุ่งขึ้นไปอีก และ ราคาสูงอีกนาน ดังนั้น การลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพียง 3 บาทแค่ 3 เดือน ไม่น่าจะรับมือไหว เป็นการดำเนินการที่น้อยเกินไปและช้าเกินไป อีกทั้งเวลายังสั้นเกินไป ตามที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้ว 

นอกจากนี้ คณะทำงานเศรษฐกิจได้พยายามทวงเงิน 20,087.42 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ถูกโอนไปเป็นรายได้รัฐบาล แต่ไม่เคยได้รับคำชี้แจง และยังอภิปรายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม 152 ที่ผ่านมาในสภา ดังนั้นถ้าพลเอกประยุทธ์บอกว่าตอบได้ทุกเรื่องก็ให้ตอบเรื่องนี้ด้วย และตอบด้วยว่าจะนำมาคืนประชาชนเมื่อไหร่ เพราะกองทุนเป็นเงินที่เก็บจากประชาชนผู้เติมน้ำมันไป 

อีกเรื่องหนึ่งที่ได้ตั้งข้อสังเกตุในสภาคือ การที่บริษัทในเครือ ปตท. คือ PTTGC ไปซื้อบริษัทต่างประเทศในจำนวนเงินสูงถึง 1.48 แสนล้านบาท ในกลางปีที่แล้ว ทั้งที่เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ คนตกงานกันเป็นจำนวนมาก แต่กลับไปลงทุนต่างประเทศ จ้างงานในต่างประเทศ แทนที่จะลงทุนในประเทศไทย สร้างงานในประเทศไทย ซี่งไม่แน่ใจว่ามีผลประโยชน์ใดแอบแฝงหรือไม่ เช่นเมื่อ ครั้งที่ ปตท. ไปลงทุนในต่างประเทศก็มีข้อครหาการทุจริต เช่น โครงการสวนปาล์มในประเทศอินโดนิเซีย เป็นต้น

ปัญหาพลังงานยังรวมถึงราคาก๊าซหุงต้มที่จะเพิ่มขึ้นซึ่งจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ปัญหาราคาค่าไฟฟ้า ที่มีการผลิตไฟฟ้าล้นเกินกว่า 40% แต่ก็ยังจะให้ใบอนุญาตผลิตไฟฟ้ากันเพิ่มอีก ปัญหาโครงสร้างราคาน้ำมัน เช่น ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่น ค่าการตลาด ราคาน้ำมันที่ผลิตจากพืชพลังงาน ฯลฯ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ยังไม่ได้ตอบเลยในการอภิปรายในสภา 

เรื่องราคาน้ำมัน และ ปัญหาด้านพลังงานเป็นเรื่องใหญ่และจะมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ ในภาวะที่ราคาพลังงานจะยิ่งพุ่งสูงขึ้น ซึ่งหากรัฐบาลไม่กล้าตัดสินใจ ปัญหาจะลุกลามและจะสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก อยากเห็นการวางแผนรับมือกับปัญหาล่วงหน้า มิไช่คอยแต่มาแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ประชาชนจะต้องลำบากกันอย่างมากก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ไม่น่าจะทนไหวกันแล้ว