ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี แนะ 'ยุวแรงงาน' ขยันทำงานพัฒนาตัวเอง ตามแบบไทยนิยมยั่งยืน ก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงนำนักเรียนนักศึกษาและสถานประกอบการ อาทิ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู๊ด จำกัด (มหาชน) และบริษัท เบอรี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ บิ๊กซี ที่เข้าร่วมโครงการ "ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน" เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ โครงการ "ประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน" เป็นโครงการตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้นักเรียนนักศึกษาใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ในช่วงปิดเทอมทำงานในสถานประกอบการเสริม สร้างการเรียนรู้อาชีพเพิ่มพูนทักษะก่อนเข้าสู่โลกแห่งการทำงานจริง 

โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยกับนักเรียน นักศึกษาอย่างเป็นกันเอง จากนั้นได้ร่วมถ่ายภาพหมู่กับนักเรียน นักศึกษา ซึ่งทุกคนตื่นเต้นและกรูกันเข้าไปจับจองพื้นที่ใกล้กับนายกรัฐมนตรี จนชนกับนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจึงเอามือเขกหัวหนึ่งในกลุ่มนักเรียน สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน


"ขอให้ร่วมกันทำความดีตามแบบไทยนิยมยั่งยืน คือ นิยมช่วยกันทำความดีให้กับประเทศ ไม่ใช่ทำให้กับตน และขอให้พัฒนาตัวเอง วันหน้าจะได้เป็นผู้ประกอบการ" พลเอกประยุทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ มีตำแหน่งรองรับกว่า 30,000 อัตรา ซึ่งรับสมัครตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.- 8 มี.ค. นี้ มีระยะเวลาทำงาน 2 เดือน โดยจะผ่านการปฎิบัติงานจริง และจะได้รับค่าตอบแทนไม่ต่ำกว่าชั่วโมงละ 40 บาท ทำงานไม่เกินวันละ 7 ชั่วโมง เมื่อเสร็จสิ้นการทำงาน จะได้รับใบประกาศรับรองการผ่านงานจากกระทรวงแรงงานและสถานประกอบการด้วย

โดยโครงการประชารัฐรวมพลัง สร้างยุวแรงงาน ส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยมีเป้าหมายจัดหางานให้เด็กนักเรียน นักศึกษาทำในช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงว่างจากการเรียน 20,000 คน ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด 4 ภูมิภาค เช่น ปทุมธานี นนทบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ ชลบุรี นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น เป็นต้น

อดีต รมว.พม. เผยพบความผิดปกติเบิกจ่ายเงินช่วย 'คนยากไร้' มาก่อนหน้านี้แล้ว

นอกจากนี้ พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึง การตรวจสอบการทุจริตการเบิกจ่ายเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ว่าในสมัยที่ตนเองดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้ตรวจพบความผิดปกติดังกล่าว และ ได้ให้มีการตรวจสอบมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็ต้องลงโทษตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พร้อมระบุว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ที่นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งย้ายผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบ