ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ยันยูนิเซฟ รัฐบาลจะส่งเสริม - ปกป้องสิทธิเด็ก จัดทำแผนพัฒนาเด็ก - เยาวชนแห่งชาติ ฉบับ 2 เน้นพัฒนาคุณชีวิตเด็ก สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมกันนี้ยังขอบคุณ ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโด -แปซิฟิก ที่ช่วยส่งทีมงานมาค้นหาทีมหมูป่า เห็นพ้องร่วมมือฝึกความมั่นคงระดับภูมิภาค

นางเฮนเรียตตา ฟอร์ ผู้อำนวยการบริหารองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children’s Fund – UNICEF) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกฯ ชื่นชมยูนิเซฟ ในไทยที่มีการทำงานกับภาคส่วนต่างๆ โดยสองฝ่ายหารือในเรื่องเด็กและเยาวชนที่ยูนิเซฟขอให้ไทยส่งเสริมโครงการที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชนที่ดีอยู่แล้วให้มีพัฒนาการที่ดีต่อไป อาทิ โครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ซึ่งนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมและปกป้องสิทธิเด็ก โดยได้จัดทำร่างแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 - 2564 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชน เพื่อให้เด็กและเยาวชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ทั้งนี้ การดำเนินการของรัฐบาลสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นเยาวชน เนื่องจากเยาวชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศทั้งในปัจจุบันและอนาคต 

ประยุทธ์ ยูนิเซฟ 1017105744.jpg


ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือในการดูแลเด็กโยกย้ายถิ่นฐานและการไร้รัฐในเด็กมากยิ่งขึ้น โดยไทยยินดีแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ประเทศอื่น ตลอดจนเรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศอื่น ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงกับบริบทของไทย

อนึ่ง องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (United Nations Children’s Fund – UNICEF) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ ปี 2489 โดยมีสำนักงานใหญ่ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลความเป็นอยู่ และคุ้มครองสิทธิของเด็กในประเทศต่าง ๆ


ประยุทธ์ สหรัฐอเมริกา 017020332.JPG


นายกฯ ขอบคุณ ผบ.กองกำลังสหรัฐฯ อินโด-แปซิฟิกส่งทีมช่วย 'หมูป่า'

จากนั้น พล.ร.อ. ฟิลลิป เอส เดวิดสัน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด - แปซิฟิก เข้าเยี่ยมคารวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายกฯ ขอบคุณกองทัพสหรัฐฯ ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือทีมนักฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมีที่จังหวัดเชียงราย 

ด้าน ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก กล่าวว่า ไทยและสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่ยาวนาน ทั้งสองฝ่ายต่างมีส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงในเอเชีย และเชื่อมั่นว่าความร่วมมือระหว่างกองทัพไทย – สหรัฐฯ จะช่วยยกระดับความสัมพันธ์และความร่วมมือของสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ปีนี้ครบรอบ 185 ปี ความสัมพันธ์ไทย – สหรัฐฯ โดยทั้งสองประเทศมีความร่วมมือใกล้ชิดมากขึ้นในทุกมิติ 

สำหรับความร่วมมือด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะรักษาความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนการเยือน และกลไกความร่วมมือต่าง ๆ อาทิ การศึกษา การฝึก การแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ให้ใกล้ชิดเช่นนี้ต่อไป เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมสหรัฐฯ ที่รักษาความต่อเนื่องของการพัฒนาบุคลากรและการฝึกร่วม โดยเฉพาะ โครงการฝึกร่วม Cobra Gold ซึ่งเป็นการฝึกร่วมพหุภาคีที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย 

ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก ยินดีที่ไทยจะได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีหน้า และเป็นประธานร่วมกับสหรัฐฯ Esperts’ Working Group on Maritime Security ระหว่างปี 2563 – 2565 ภายใต้กรอบ ASEAN Defense Minister’s Meeting Plus (ADMM Plus) หวังว่าทั้งสองประเทศจะได้ขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทะเลกับประเทศในภูมิภาคแปซิฟิกอื่น ๆ มากยิ่งขึ้น

ทั้งสองฝ่ายหารือถึงความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยต่างเห็นพ้องว่ากลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติและลัทธิสุดโต่งเป็นภัยคุกคามที่สำคัญของโลก ความร่วมมือระหว่างมิตรประเทศเป็นสิ่งสำคัญ จึงควรเพิ่มพูนความร่วมมือด้านข่าวกรองและการต่อต้านการก่อการร้าย 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ผ่านมา หน่วยข่าวกรองของทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง จึงหวังว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพของหน่วยงานไทย โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นอินโด – แปซิฟิก ยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนไทยในด้านดังกล่าว