วันที่ 23 เม.ย. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง นำแกนนำ พรรคร่วมรัฐบาล อาทิ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ,อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ,พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ,วราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ,จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ,กฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เศรษฐา กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบผลการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงและความเห็นของคณะทำงาน ได้เห็นชอบหลักการกรอบโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งเรื่องกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมโครงการ แนวทางเข้าร่วมโครงการของประชาชน เงื่อนไขการใช้จ่าย ประเภทสินค้า การลงทะเบียนร้านค้า รวมถึงแหล่งเงินในการดำเนินโครงการ ซึ่งกระทรวงการคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงบประมาณ จะศึกษารายละเอียดต่อไป
“ส่วนข้อห่วงใยใดๆ เช่นประเด็นอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส. ได้สั่งการหากมีประเด็นข้อสงสัยใดๆให้ส่งเรื่องไปสอบถามยังกฤษฎีกา ซึ่งทุกๆพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบในหลักการของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตดังกล่าว โดย นายจุลพันธ์ จะชี้แจงในรายละเอียดต่างๆหากสื่อมวลชนมีคำถาม” เศรษฐา กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวดิจิทัลวอลเล็ต สื่อมวลชนได้เตรียมซักถาม ขณะที่นายกฯ ได้รีบตัดบทจบการแถลงข่าวเรื่องดิจิทัลฯทันที ทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ถึงกับหัวเราะ และต่างเดินแยกย้ายกลับ ซึ่งจังหวะนี้สื่อมวลชนได้พยายามให้ตอบคำถามต่อ โดยนายกฯ ระบุว่า ตนจะพูดเรื่องอื่นต่อ แต่เรื่องนี้จบแล้ว โอเคนะครับ ยังมีเรื่องอื่นอีกเยอะ หากจะถามเรื่องเงินดิจิทัลไม่เป็นไรให้ จุลพันธ์ อยู่รอก่อน พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ปากทำสัญลักษณ์ให้เงียบ พร้อมระบุอีกว่า ยังมีเนื้อข่าวอีกเยอะไม่ต้องห่วง
ขณะที่ จุลพันธ์ ตอบคำถามถึงเหตุผลที่ยังไม่เคาะวันชัดเจนในการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ยังเคาะวันไม่ได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการพัฒนาระบบด้วย แต่แน่นอนเราพยายามเร่งรัดที่สุดในกระบวนการทำทุกอย่าง แต่เราต้องรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องความเสถียรของแอบพลิเคชัน ความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลของประชาชนและราชการ รวมถึงการทำตัวเลขต่างๆต้องมีความมั่นคงและปลอดภัย ฉะนั้นเราจะเร่งเกินไปโดยการไปกำหนดเวลาเพื่อบีบจนกระทั่งถึงเวลาแล้วเกิดปัญหาก็เป็นสิ่งที่เราไม่ปฏิบัติ ฉะนั้นยังยืนยันตามกรอบเดิมลงทะเบียนในไตรมาส 3 และเปิดใช้ในไตรมาส 4
เมื่อถามว่า มีการกำหนดประเด็นการถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องใดบ้าง จุลพันธ์ กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดประเด็น แต่นายกฯได้สั่งการในที่ประชุม ครม. หากมีข้อสงสัยประเด็นใดก็ตามที่เป็นเรื่องของข้อกฎหมายให้ดำเนินการส่งคณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัย ซึ่งเป็นเรื่องของอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส. และตนได้เคยให้ข่าวไปหลายครั้ง ได้ดูในรายละเอียดแล้วและมีความมั่นใจว่าเป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ แต่หากจะทำให้เกิดความกระจ่างชัด การสอบถามไปยังกฤษฎีกาเป็นสิ่งที่เราพร้อมอยู่ตลอดเวลา
เมื่อถามว่า สรุปกระทรวงการคลังจะไม่ส่งให้กฤษฎีกาใช่หรือไม่ จุลพันธ์ กล่าวว่า ส่ง ประเด็นใดก็ตามหากมีข้อสงสัยในข้อกฎหมาย มากกว่านั้นเราก็พร้อมที่จะส่งไป ไม่ได้มีประเด็น เมื่อถามว่า สรุปคือกระทรวงการคลังจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาว่า ธ.ก.ส.มีอำนาจในการให้เงินหรือไม่ จุลพันธ์ กล่าวว่า ประเด็นนี้คงต้องส่งครับ
เมื่อถามว่า ได้นำเรื่องเพื่อเข้าบอร์ด ธ.ก.ส.เพื่ออนุมัติแล้วหรือยัง จุลพันธ์ กล่าวว่า ยัง ประเด็นของเรื่องนี้ขอเรียนว่ากระบวนการในการดำเนินการตามมาตรา 28 เป็นกระบวนการงบประมาณประเภทหนึ่ง เป็นการดำเนินการตามสิ่งที่เรียกว่านโยบายกึ่งการคลัง นโยบายนี้จะเริ่มดำเนินการได้ตามกรอบของมาตรา 28 ซึ่งจะเริ่มต้นประมาณเดือน ต.ค. คงจะใกล้ๆช่วงนั้นถึงจะมีการพิจารณาผ่านบอร์ดและครม.อีกครั้ง ระหว่างวันนี้จนถึงเดือน ต.ค. คงจะต้องดำเนินการอีกหลายๆอย่างในรายละเอียดให้ครบถ้วน ในส่วนของคณะกรรมการกำกับซึ่งตั้งมาแล้วคงจะต้องไปประชุมหารือในรายละเอียดให้ครบ รวมถึงเรื่องการสอบถามกฤษฎีกาเพื่อให้เกิดความกระจ่างและพร้อมดำเนินการซึ่งเหลือเวลาอีก 4-5 เดือน
เมื่อถามว่า ระหว่างนี้จะดำเนินการคู่ขนานกันไปใช่หรือไม่ จุลพันธ์ กล่าวว่า แน่นอน มันเป็นกระบวนการที่วันนี้รับหลักการ ซึ่ง ครม.เห็นชอบในหลักการและต้องไปดำเนินการในรายละเอียดให้ครบถ้วน เมื่อถามว่า ถึงเรื่องสภาพคล่องทาง ธ.ก.ส. อยากให้รัฐบาลมีความชัดเจนจะเริ่มใช้คืน ธ.ก.ส.ได้อย่างไร จุลพันธ์ กล่าวว่า การถามคำถามอย่าชี้นำ เพราะคำถามบอกว่า ธกส.มาสอบถามว่าให้มีความชัดเจน ซึ่ง ธกส.ไม่ได้มีคำถามอะไรมาเลย
เมื่อถามว่า ทางสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร มีการสอบถามในเรื่องนี้ จุลพันธ์ ตอบว่า ไม่ใช่ สหภาพฯก็ไม่ได้ถามคำถามนั้น โดยสหภาพฯได้ถามในรายละเอียดต่างๆซึ่งตนได้ชี้แจงไปแล้ว ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันดี และสหภาพฯมีความพร้อมในการดำเนินการนโยบายนี้เพราะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร ในส่วนของสหภาพฯที่เขาเป็นห่วงที่สุดคือกรอบอำนาจหน้าที่ซึ่งเราได้เรียนแล้วตามมติ ครม.ที่จะส่งสอบถามกฤษฎีกาเพื่อให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจและพร้อม มีแค่นั้นในส่วนสหภาพฯ
”ส่วนคำถามที่เกี่ยวข้องกับสภาพคล่องของ ธ.ก.ส. ทาง ธ.ก.ส. มีความมั่นคงและอย่าลืมว่า ธ.ก.ส. รัฐบาลถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็น เรามีแต่เสริมความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. สิ่งที่ผมได้ชี้แจงกับสหภาพฯมี 3 ประเด็นคือ 1.การดำเนินการต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมายทุกประการ รวมถึงอำนาจหน้าที่ของ ธ.ก.ส. หากมีข้อสงสัยใดในการดำเนินการให้เกิดความกระจ่างชัดรัฐบาลยินดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฤษฎีกาก็ตาม 2.เสถียรภาพของ ธกส. มีความมั่นคงสูง
สิ่งที่เราจะดำเนินการอยู่ในศักยภาพที่ ธกส.จะดำเนินการได้ โดยที่ไม่มีประเด็นปัญหาอะไร แต่รัฐบาลจะดำเนินการอะไรก็ตามแน่นอนมีแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับธนาคารในกำกับ เพราะ ธกส.เป็นปีกหลักปีกหนึ่งในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกร รัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาใช้บริการ ธกส.มาโดยตลอด รัฐบาลชุดนี้แน่นอนเราเห็นความสำคัญ มีแต่จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น และ 3. สิ่งที่ดำเนินการจะไม่กระทบต่อสวัสดิภาพสวัสดิการใดๆของพนักงาน ลูกจ้าง ธกส. เด็ดขาด” จุลพันธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มีนโยบายที่จะเพิ่มทุนให้ ธกส. อย่างไร จุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยกันในส่วนของพวกเราเอง มีกระบวนการอยู่ แต่กระบวนการพูดคุยเวลาเราเติมเงินกับธนนาคารในกำกับ เช่น การเติมเงิน ให้ ธ.ก.ส. โดย 1 บาทจะสามารถเปิดเป็นวงเงินสินเชื่อให้กับเกษตรกรเป็น 11 บาท เป็นการเติมความแข็งแกร่งอย่างหนึ่งที่เราพิจารณาอยู่ ส่วนจะเท่าไหร่และเมื่อไหร่ขอประชุมพิจารณากันอีก 1-2 ครั้ง ยืนยันว่า ธกส.มีสภาพคล่องเพียงพอ
เมื่อถามว่า ตอนนี้ประชาชนเบาใจได้หรือยังว่าจะได้เงินดิจิทัลจริง จุลพันธ์ กล่าวว่า เบาใจได้ เรายืนยันในกรอบเวลา ที่ประชาชนจะได้ในไตรมาส 4 แน่นอนได้พร้อมกัน สาเหตุที่พร้อมกันเราต้องการให้เกิดอิมแพกทางเศรษฐกิจ เมื่อลงไปแล้วลงไปทีเดียวจะเกิดการกระตุ้น การหมุนเวียน การลงทุน การจ้างงาน เราต้องการผลลัพธ์ตรงนั้น และเรามองตอนนี้การดำเนินการยังไม่ได้ติดขัดอะไร
ด้าน เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง กล่าวยืนยันถึงระบบแอบพลิเคชัน ว่า ไม่มีปัญหาอะไร โดยมี 2 ระบบ คือระบบการลงทะเบียน และระบบธุรกรรมทางการเงิน จะเป็นลักษณะเชื่อมต่อกันในหลายๆภาคส่วน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ซึ่งทั้ง 2 ระบบได้มีการพัฒนาและอยู่ในกรอบเวลาที่ได้กำหนดไว้ โดยจะเปิดให้มีการลงทะเบียนในไตรมาส 3 ปีนี้ และประชาชนจะได้รับเงินในไตรมาส 4 ส่วนรายละเอียดจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการอีกที เพื่อยืนยันข้อมูลในส่วนของแอบพลิเคชันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า วันข้างหน้าหากมีปัญหาข้อกฎหมายตามมา รัฐบาลจะร่วมกันรับผิดชอบทั้งคณะใช่หรือไม่ เผ่าภูมิ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เรามีการเช็ครายละเอียดรอบคอบ ทั้งในส่วนอำนาจหน้าที่และการได้มาของงบประมาณต่างๆ