พักครึ่งของการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทีมงานของประยุทธ์ปิดห้องปรึกษาหารือเรื่องการเดิมเกมส์ช่วยพรรคพลังประชารัฐหาเสียง เพราะปัจจุบันสถานการณ์ในพื้นที่ไม่ดีนัก ขาดนักปราศรัยมืออาชีพดึงดูดชาวบ้านให้ออกเสียงเลือกพลังประชารัฐ มีรายงานข่าวว่า พี่ใหญ่คนหนึ่งของประยุทธ์ แนะนำทันทีว่า “ไม่ควรขึ้นเวทีปราศรัย” เหตุเพราะเนติบริกรได้แจ้งแล้วว่า มีความสุ่มเสี่ยงทางการเมือง
แผนปราศรัยที่โคราช จังหวัดบ้านเกิดในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมนี้จึงเป็นอันล้มพับไป
แทนที่ด้วยวิธีการหาเสียงแบบใหม่ ถึงไม่ขึ้นเวทีปราศรัยที่มีโลโก้พรรคแปะอยู่ด้านหลัง ก็ขอจัดใหม่คู่ขนานกันไป เป็นขบวนและเวทีตรวจราชการแทนแล้วกัน ดังกำหนดการที่ปล่อยออกมาล่าสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กำหนดการลงพื้นที่ดูงาน ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี จะต่อเนื่องกับการจัดเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ เช่น
จังหวัดขอนแก่น พลังประชารัฐ ปราศรัย วันที่ 9 มีนาคม ต่อด้วยกำหนดการนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 มีนาคม 62
จังหวัดนครราชสีมา เวทีพลังประชารัฐ วันที่ 10 มีนาคม ต่อด้วยกำหนดการนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 มีนาคม 62
จังหวัดเชียงราย เวทีพลังประชารัฐ วันที่ 11 มีนาคม 62 ตามด้วยกำหนดการนายกรัฐมนตรี วันที่ 16 มีนาคม 62
จังหวัดนครศรีธรรมราช เวทีพลังประชารัฐ วันที่ 12 มีนาคม 62 กำหนดการนายกรัฐมนตรี วันที่ 20 มีนาคม 62
บนเวทีปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐ ก็จะมาในธีมสรรเสริญประยุทธ์ว่าเป็นทางออกของประเทศ และซัดกลับไปยังพรรคในเครือข่ายทักษิณ โดยเน้นประเด็นการทุจริตคอรัปชั่น การสร้างความขัดแย้งทางการเมือง การบริหารจัดการน้ำท่วมล้มเหลว
เห็นได้จากคำปราศรัยของ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพ พรรคพลังประชารัฐ
-ที่ต้องมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่ว่าไม่มีอุดมการณ์ อย่างที่มีคนวิจารณ์ แต่ที่มานี่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เพราะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้
-ยอมรับว่าวันนี้เศรษฐกิจไม่ดี แต่ดีกว่าการมีปัญหาการเมืองเหมือนในช่วงที่ผ่านมา ที่มีสองพรรคการเมืองสลับกันเป็นรัฐบาล แล้วบ้านเมืองเกิดปัญหา ดังนั้น เราเสี่ยงไม่ได้อีกแล้ว เราจะให้บ้านเมืองเดือดร้อนอีกไม่ได้
-เราอยากให้ลูกหลานมีความสุข โตมาในความมั่นคงแข็งแรง ไม่ต้องกลัวว่าใครมาปิดถนนอีก
-ปี 54 น้ำคงไม่ท่วมดอนเมือง ถ้าเรามีผู้นำที่กล้าตัดสินใจ มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ การตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งนั้น ทำให้คนดอนเมืองเดือดร้อนแสนสาหัส
-หลายคนว่าเราเป็นเผด็จการ แต่ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นกรรมการ ที่ประชาชนอยากให้เข้ามา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยากเข้ามาในการเมืองเลย แต่เราไปเชิญท่านเข้ามา ท่านใช้เวลาพิจารณานโยบายจนตาเจ็บ จึงตอบรับ
-เราไม่ใช่เผด็จการ และพลังประชารัฐ เสียเปรียบพรรคอื่นมาก พล.อ.ประยุทธ์ ไปดีเบตไม่ได้ ช่วยพรรคหาเสียงไม่ได้ เรามาภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่มีการได้สิทธิพิเศษ
-หลายพรรคพยายามเอาใจวัยรุ่น ประกาศไม่ต้องเกณฑ์ทหาร ถามว่าถ้าน้ำท่วม มีภัยพิบัติ แล้วจะทำอย่างไร คนที่พูดอย่างนี้เอาส่วนไหนคิด
-โครงการรับจำนำข้าว สร้างหนี้ให้ประเทศอย่างมาก คนที่บอกว่าวันนี้เศรษฐกิจไม่ดี ทำไมไม่กลับไปดูคนที่เคยทิ้งขี้เอาไว้
เห็นได้จากคำปราศรัยของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ
- 2 พรรคที่เคยเลือก นำพาประเทศไปข้างหน้าไม่ได้ ขนาดยังไม่เลือกตั้งก็จะตีกันอีกแล้ว
-วันนี้ถ้าไม่ใช่พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯคนต่อไป ใครจะเป็นได้ดีเท่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำบ้านเมืองสงบ ประเทศเดินต่อได้
-พลังประชารัฐคิดนโยบายไม่โกงแม้แต่บาทเดียว เงินไม่ตกถึงมือคนคิดนโยบาย เราไม่แจกแบบบางพรรคที่ให้เหมือนไอติม คนนั้นดูดทีคนนั้นดูดทีกว่าจะผ่านถึงประชาชนเหลืออยู่นิดเดียว เราทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บางพรรคที่บอกว่าเป็นมืออาชีพ แต่ทุจริตทั้งพรรค
-พรรคพลังประชารัฐ มีผู้นำที่จะไม่โกงชาติบ้านเมือง อย่าให้เขาบอกว่า 24 มีนาคม เข้าคูหากาฆ่าเผด็จการ ซึ่งเป็นการปลุกประชาชนจากความกลัวว่า พรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้ง
-ตอนผมเป็นรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ ไลน์มามีแต่สั่งงาน ประชุม ครม.มีแต่ไล่บี้งาน ไม่มีซักครั้งที่บอกให้หาเงินให้ ไม่มีซักครั้งที่คิดโครงการโกงบ้านโกงเมือง แต่คนก็ด่าว่าหงุดหงิดขี้โมโห ขอเตือนอย่าหลงคารมพวกลอยหน้าลอยตาคดีเก่ายังไม่หมดเลย
นี่คือจังหวะก้าว และวิธีการเดินเกมส์การเมืองของพลังประชารัฐ ซึ่งแม้จะดูเป็นเนื้อเดียวกัน และมีเป้าหมายชัด เพื่อการดำรงอยู่ของประยุทธ์ในรัฐบาลสมัยหน้า ทว่าในเบื้องลึก มีรอยร้าวอยู่ไม่น้อยระหว่าง ทีม กปปส.เก่า/เทคโนแครต ลูกศิษย์สมคิด กับ กลุ่มสามมิตร
เดิมทีวันนี้ ทั้งหัวหน้าพรรค อุตตม และ เลขาพรรค สนธิรัตน์ มีคิวปราศรัยที่ จ.ขอนแก่นร่วมกับ กลุ่มสามมิตร เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ยังพุทธมณฑลอีสาน “ปรากฎว่าล่าสุดพปชร.ได้ออกกำหนดการณ์ใหม่อีกครั้ง ไร้ชื่อนายอุตตม และนายสนธิรัตน์ มาร่วมปราศรัย ขณะที่มีกำหนดการใหม่เข้ามาแทรกระบุว่านายอุตตม ไปหาเสียงที่เขตคลองสามวา ส่วนนายสนธิรัตน์ไปหาเสียงที่บางแค ในวันที่9 มีค. ซึ่งเป็นสายกรุงเทพ ที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รับผิดชอบ ส่งผลให้ทีมงานในสายอีสาน และทีมงานขอนแก่นนำโดยนายสุริยะ ผู้รับผิดชอบเกิดความไม่พอใจที่ได้เตรียมงานอย่างยิ่งใหญ่ แต่ถูกหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเท” (ไทยโพสต์)
ส่วนรอยร้าวแรก คือ การจัดลำดับปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ที่ผู้มีอำนาจทุบโต๊ะผลักดันให้ นายณัฏฐพล เป็นอันดับ 1 ของปาร์ตี้ลิสต์ แทน นายสุริยะ ที่หล่นไปอยู่อันดับ 2 อันเป็นสัญลักษณ์ว่าเมื่อถึงจุดตัดวัดระดับความสำคัญ บรรดากลุ่ม กปปส.เก่า และเทคโนแครตลูกศิษย์สมคิด ถือว่าวงในกว่า ชิดเชื้อกับบรรดาบิ๊กทหาร มากกว่า บรรดานักการเมืองเก่าสายสามมิตร
เป็นอันว่า รอยร้าวระหว่างสองกลุ่มนี้ จำต้องจับตาในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อเปิดสภา!!
อีกหนึ่งมาตรวัดสำคัญว่ากระแสของพรรคพลังประชารัฐ ยังอยู่ในระดับปลุกไม่ตื่น คือ จังหวะการตีตัวออกห่างของ “อนุทิน ชาญวีรกุล” หนึ่งในคีย์แมนซึ่งจะทำหน้าที่ชี้ขาดการจัดตั้งรัฐบาลในสมัยหน้า ในฐานะพรรคการเมืองที่จะได้จำนวนเก้าอี้หลักเฉียดร้อย อันเป็นผลจากกติกาการเลือกตั้งที่เป็นประโยชน์กับพรรคขนาดกลางอย่างภูมิใจไทยอย่างมาก
เสี่ยหนูประกาศเมื่อวันก่อน ถึงจุดยืนทางการเมืองในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง เป็นจุดยืนเพื่อเรียกคะแนนนิยมในโค้งสุดท้าย
-พรรคภูมิใจไทยยึดประชาชนเป็นหลัก พรรคไม่ได้ใกล้ชิดกับคสช. และพรรคพลังประชารัฐ
-พรรคมั่นใจว่าจะได้เสียงมากพอที่ะเข้าร่วมรัฐบาล แต่แคนดิเดตนายกฯที่พรรคจะสนับสนุนต้องเป็น ส.ส.มาจากเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร
-รับไม่ได้หาก ส.ว. 250 คน ที่ไม่ได้มาจากประชาชนจะโหวตเลือกนายกฯสวนทางกับเสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส. 500 คน
-จะให้ตัวแทนประชาชน 500 ส.ส. จะเดินตาม 250 ส.ว.ไม่ได้
ผู้ที่เคยร่วมโต๊ะอาหารกับอนุทิน จะรู้อยู่หนึ่งอย่างว่า อนุทินเป็นนักการเมืองที่สนใจสภาพจริงทางการเมือง อันเป็นทักษะสำคัญที่ได้จาก “เนวิน” ผู้เป็นพี่ชายท��งการเมือง คำพูดของอนุทินเมื่อวันก่อน จึงเป็นการย้ำถึงสภาพจริงทางการเมืองได้คมคาย เป็นการเล่าถึงสภาพจริงที่ได้สัมผัสได้เมื่อลงพื้นที่ ว่าชาวบ้านรู้สึกหรือกำลังคิดอะไรอยู่ ความเห็นของประชาชนในกราวเกมส์นั่นเอง ที่บังคับให้อนุทินประกาศเช่นนี้
จังหวะการขยับของอนุทินเมื่อวันก่อน จึงอธิบายถึงสภาพจริงทางการเมืองของ “พรรคพลังประชารัฐ” ได้ดี สอดรับกับโพล์ลับ ว่า “ต่ำกว่าร้อย”!!