ไม่พบผลการค้นหา
ผู้หญิงอเมริกันยุคใหม่ยังต้องเผชิญกับมายาคติด้านเพศในเรื่องงานบ้าน ทำให้ผู้หญิงต้องรับภาระหนักภายในครอบครัว แม้ว่าจะทำงานนอกบ้านหนักขึ้นก็ตาม

แม้ผู้หญิงอเมริกันที่อายุยังน้อยในปัจจุบันจะมีชั่วโมงการทำงานที่นานขึ้น และได้รับเงินมากขึ้นกว่าผู้หญิงในอดีตมาก แต่พวกเธอยังคงต้องเผชิญกับ 'ภาระงานบ้าน' ไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่นัก

สถาบันครอบครัวของประชากรยุคมิลเลนเนียลปรับตัวให้เข้ากับความเท่าเทียมทางเพศมากขึ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม รายงานกลับชี้ให้เห็นว่า ท้ายที่สุดแล้ว ความพยายามแบ่งหน้าที่เรื่องงานบ้านและรายได้ให้เท่าเทียมกันนั้น กลับพังไม่เป็นท่า เนื่องมาจากภาพเหมารวมด้านเพศสภาพ

จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ (Bureau of Labor Statistics) พบว่าในวันทำงานตามปกติ ผู้ชายจะทำงานบ้านอย่าง ซักผ้า ล้างจาน หรืออย่างอื่น เพียงร้อยละ 19 เมื่อเทียบกับผู้หญิง ซึ่งทำงานบ้านที่ร้อยละ 49 แม้ว่าในวันดังกล่าวพวกเธอจะต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วยเช่นกัน

จิล ยาวอฟสกี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา แชเปิลฮิลล์ กล่าวว่าผู้ชายส่วนใหญ่อาจจะยอมรับความเท่าเทียมกันในเรื่องอาชีพหรือการหารายได้ในครอบครัว แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องทำงานบ้าน พวกเขายังยึดกับข้ออ้างเดิมๆ ว่า งานบ้านไม่ใช่เรื่องที่ผู้ชายถนัด


"ผู้ชายยังคงได้รับอภิสิ��ธิ์ด้านเพศสภาพ เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานบ้านมากขึ้นมาก ซึ่งกระทบต่อความก้าวหน้าด้านอาชีพ เมื่อมันไปแตะประเด็นนั้น ผู้ชายจำนวนมากไม่เลือกที่จะเดินทางนั้น"


ทำงานนอกบ้านมากขึ้น ในบ้าน (ไม่) น้อยลง

ตามข้อมูลจากสถาบินวิจัยพิว (Pew Research Center) ในปี 2560 ร้อยละ 78 ของผู้หญิงอเมริกัน ทำงานขั้นต่ำ 50 สัปดาห์ต่อปี ซึ่งมากขึ้นกว่าในปี 2543 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 72 

ริชาร์ด ไฟร นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันวิจัยพิว กล่าวว่า ระยะเวลาการทำงานที่มากขึ้นส่งผลให้ผู้หญิงมีรายได้มากขึ้นในการจุนเจือครอบครัว ผู้หญิงที่ทำงานประจำ มีอายุระหว่าง 22 ถึง 37 ปี มีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 39,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.26 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีมูลค่าสูงขึ้นจาก 37,100 ดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณ 1.20 ล้านบาทต่อปี ในปี 2543

สัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้นตรงนี้ ทำให้รายได้ครอบครัวในยุคมิลเลนเนียลสูงกว่ายุคอื่นๆ ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์อเมริกา 

ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยโทรอนโต 'เมลิซซา มิลกี' กล่าวว่า ถึงแม้ว่าผู้หญิงจะหารายได้มาสนับสนุนครอบครัวได้มากขึ้น แต่พวกเธอยังคงต้องรับผิดชอบภาระภายในแบบแทบทั้งหมด ซึ่งนักวิจัยหลายคนออกมากล่าวว่า ภาระเหล่านี้เป็นอุปสรรคในการปฏิวัติด้านเพศ

"เมื่อเราพูดถึงช่องว่างด้านรายได้ บ่อยครั้งเราไม่ได้โยงมันกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้าน และฉันคิดว่ามันควรจะต้องถูกนำมาคิดด้วย เพราะว่างานในบ้านที่ไม่มีรายได้นั้นเป็นประเด็นสำคัญเมื่อพูดถึงสมดุลในชีวิตการทำงาน"

ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าผู้ชายในวัยประกอบอาชีพจะทำงานมากขึ้นเช่นเดียวกัน แต่พวกเขากลับมีเวลาในการออกกำลังกาย เล่นเกม และมีความสุขกับกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ มากกว่าผู้หญิง

วัฒนธรรมในการแบ่งงานบ้าน

เป็นเวลานานมาแล้วที่สังคมอเมริการวมถึงสังคมอื่นๆ แบ่งหน้าที่งานบ้าน โดยฝั่งที่มีรายได้สูงกว่าก็จะไม่ต้องรับภาระตรงนั้น ซึ่งผู้ชายก็มักเป็นฝ่ายที่หารายได้ได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจำนวนมากในปัจจุบันสามารถหารายได้มาจุนเจือครอบครัวได้เท่ากับหรือมากกว่าผู้ชาย ซึ่งสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะมีความพยายามในการเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมกันอย่างไร หากผู้หญิงทั้งหมดไม่ร่วมมือกันแสดงออกให้ชัดเจนว่า "ต้องการสิ่งใด" และจะ "ยืนหยัดเพื่อสิ่งใด" การหาความเท่าเทียมกันคงเป็นเรื่องยาก หรือ อาจจะเป็นไปไม่ได้เลย

อ้างอิง; CNN