หนี้เสีย (NPL) หรือการผิดนัดชำระหนี้เกิน 90 วันในประเทศจีน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10 ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ขึ้นไปแตะมูลค่า 2.24 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 9.57 ล้านล้านบาท โดยบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางตกกลายเป็นกลุ่มผิดนัดชำระหนี้เป็นส่วนใหญ่
ราวร้อยละ 5 ของหนี้ในจีนทั้งหมดตกอยู่ในภาวะเสี่ยงไม่ได้รับการจ่ายคืน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึง 3.63 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 15.5 ล้านล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารขนาดเล็กที่ไม่ได้มีเงินสำรองสูงแบบธนาคารของรัฐตกที่นั่งลำบากจากหนี้ที่ไม่ได้รับการชำระคืน
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสถาบันพัฒนาการเงินแห่งชาติ และสถาบันวิทยาศาสตร์สังคมด้านเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน เปิดดผยว่าสัดส่วนหนี้ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 249.5 ในปลายไตรมาส 2/2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 จากไตรมาส 1/2562 ที่อยู่ที่ร้อยละ 248.8
แบงก์ใหญ่ไม่เป็นไร-แบงก์เล็กตาย
จากข้อมูลของเอินส์ทแอนด์ยัง บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก ชี้ว่า รัฐบาลจีนพยายามกำจัดหนี้เสียเหล่านี้ ด้วยการซื้อขายธนาคารที่เสี่ยงมีหนี้เสียมูลค่ากว่า 7 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 3 ล้านล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าตัวเลขหนี้เสียของทุกธนาคารอาจสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 4.27 ล้านล้านบาท
ความพยายามดังกล่าวไม่ได้มีผลกระทบกับสถาบันขนาดใหญ่เท่าไหร่นัก ธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมแห่งประเทศจีนและธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีนล้วนมีช่องหว่างระหว่างยอดเงินกู้และยอดเงินฝากถึง 200 จุดพื้นฐาน หรือ 200 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนให้เห็นว่าการกำจัดหนี้เสียของรัฐบาลไม่ได้กระทบกับกำไรของสถาบันการเงินขนาดใหญ่เท่าไหร่นัก
นอกจากนี้ ผลการประกาศกำไรสุทธิของธนาคารขึ้นทะเบียนทั้ง 32 แห่ง ในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายนที่ผ่านมา ยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารใหญ่ 4 แห่งของจีนมีกำไรสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 4 และ ขณะที่ภาพรวมการเติบโตอยู่ที่ตัวเลลขมากกว่าร้อยละ 7
ขณะที่ธนาคารขนาดใหญ่มีตัวเลขหนี้เสียเพิ่มขึ้นเพียง 2 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 8.5 หมื่นล้านบาท ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 ธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กและขนาดกลางในแต่ละเมืองกลับต้องเผชิญกับหนี้เสียถึง 1 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 4.27 แสนล้านบาท ส่วนธนาคารพาณิชย์เพื่อการเกษตรต้องแบกรับหนี้เสียราว 5 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 2 แสนล้านบาท
โดยสถาบันการเงินที่ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตหนี้เสียเหล่านี้ คือสถาบันการเงินที่ไม่ได้อยู่ในเมืองใหญ่ของจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว