ไม่พบผลการค้นหา
'ศรีสุวรรณ' จี้ กกต.เรียก บุคคล-ข้อมูล เอี่ยว 'โต๊ะจีน' ระดมทุน พลังประชารัฐ พร้อมเดินสายล่า 20,000 รายชื่อค้านมติ ป.ป.ช. ปม 'นาฬิกาหรู'

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 มกราคม 2562 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เชิญตนในฐานะผู้ร้องไปให้ปากคำและยื่นหลักฐานเพิ่มเติม หลังยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีพรรคพลังประชารัฐจัดงานโต๊ะจีนระดมทุน โต๊ะละ 3 ล้านบาท จำนวน 200 โต๊ะ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ซึ่งได้ยอดเงินรวมกว่า 650 ล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่าการกระทำนี้อาจเข้าข่ายความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 เนื่องจากมี 4 รัฐมนตรีที่สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ไปร่วมงาน และจากการเผยแพร่ “ผังโต๊ะจีน” ผ่านสื่อมวลชนต่างๆ พบว่า มีการระบุชื่อชัดเจนว่า หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เลขาธิการพรรค ข้าราชการ หน่วยงานต่างๆ มาร่วมสนับสนุนซื้อโต๊ะต่างๆ ด้วย 

ดังนั้นจึงเป็นอำนาจ กกต. ตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการสอบสวน โดยตนจะไปให้ปากคำกับ กกต.เพิ่มเติมเพื่อยืนยันตามคำร้องเรียน จากนั้น กกต.ก็จะได้ใช้อำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ โดยเฉพาะการเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องและข้อมูลต่างๆ มาประกอบการพิจารณา ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องยากที่ กกต.จะสามารถทำได้ 

ปักหมุด ชลบุรี-ระยอง ประเดิมเดินสายทั่วประเทศ ล่า 2 หมื่นรายชื่อค้าน มติ ป.ป.ช.อุ้ม 'ประวิตร' ปมนาฬิกาหรู

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าการรวบรวมรายชื่อประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 20,000 คนเพื่อยื่นให้ดำเนินการไต่สวนและถอดถอน 5 ป.ป.ช.ที่ลงมติว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่มีความผิดในประเด็นยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเป็นเท็จ กรณีไม่แจ้งการถือครองนาฬิกาหรู 22 เรือนและแหวนเพชรในบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.ว่า ที่ผ่านมามีประชาชนมาร่วมเข้าชื่อเพื่อถอดถอน ป.ป.ช.จำนวนมาก ทั้งที่อยู่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 

ดังนั้น หลังจากนี้ก็จะมีการเดินสายไปในจังหวัดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการลงชื่อเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์หน้าจะเริ่มต้นที่จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง เป็นพื้นที่แรก จากนั้นก็อาจจะไปที่ ภาคอีสาน ภาคเหนือและภาคใต้ อาทิ พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอนแก่น มหาสารคามและนครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังมีคนไทยในต่างประเทศอีกจำนวนมากเช่นกันที่สนใจร่วมลงชื่อด้วย โดยได้สื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียมาเพื่อขอแบบฟอร์มและส่งแบบฟอร์มการร่วมลงชื่อถอดถอน ป.ป.ช. จากต่างประเทศ เพื่อต้องการรักษาบรรทัดฐานของการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของประเทศไทยในครั้งนี้ด้วย

โดยในสัปดาห์นี้ สมาคมฯ จะทำหนังสือถึง ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการ เพื่อขอสำเนาคำวินิจฉัยของ กรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมากทั้ง 5 ที่ลงมติว่า พล.อ.ประวิตร ไม่มีความผิดกรณีปกปิดบัญชีทรัพย์สิน เพราะตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. กำหนดว่า ป.ป.ช.จะต้องส่งคำวินิจฉัยทั้งหมดให้กับผู้ร้อง ซึ่งตนในฐานะผู้ร้องมีสิทธิจะขอคำวินิจฉัยเหล่านั้นมาดู และเมื่อได้คำวินิจฉัยแล้วก็จะทำหนังสือส่งไปยัง ป.ป.ช.อีกครั้งเพื่อคัดค้านไปยัง ป.ป.ช.อย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย เนื่องจากยังมีประเด็น ข้อมูลและรายละเอียดอื่นที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้หยิบยกหรือแสวงหาข้อมูลนำมาประกอบการวินิจฉัย 

สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประวิตร นั้น นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ได้ร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและวินิจฉัยทั้งหมด 3 ประเด็น โดย 2 ประเด็นเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับกรณีนาฬิกาหรู คือ 1.ประเด็นการไม่แสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ซึ่ง ป.ป.ช.ได้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้ว และ 2.ประเด็นการรับผลประโยชน์อื่นใดที่มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท ซึ่งนาฬิกาหรูดังกล่าวก็มีมูลค่าเกิน 3,000 บาท และ ป.ป.ช.ก็ต้องมีคำวินิจฉัย และ ประเด็นที่ 3 คือ เรื่องการร่ำรวยผิดปกติ จากการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช.ของ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่ปี 2551-2554 เรื่อยมาจนกระทั่งรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในปี 2557 ซึ่งชี้ให้เห็นว่ามีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกินกว่ารายได้ที่ควรจะมี ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นที่คือการรับผลประโยชน์อื่นเกิน 3,000 บาท และการร่ำรวยผิดปกตินั้น ป.ป.ช.ควรเร่งวินิจฉัยเพื่อให้สังคมได้หายข้องใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :