แถลงการณ์จากพรรครวมพลังประชาชาติไทย กรณีศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 8 เดือน 6 แกนนำพันธมิตร ความว่าเนื่องจากเช้าวันนี้ (13 ก.พ.) เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลฎีกาจะนัดฟังคำพิพากษา คดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ทั้ง 6 คน ฐานบุกรุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551 หลังถูกกล่าวหาว่าร่วมกันจัดปราศรัยเพื่อกดดันให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีลาออก จากกรณีได้รับผลตอบแทนส่วนตัวในการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ซึ่งกลุ่นพันธมิตรฯ ยืนยันว่า นายสมัครไม่เคารพต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้พิพากษาให้สิ้นสุดการดำรงตำแหน่งในเวลาต่อมา
แต่ทางคดีแกนนำพันธมิตรรวม 6 คนได้ถูกฟ้องดำเนินคดีข้อหาบุกรุกเข้าไปในสถานที่ราชการ เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย โดยศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ต่อมาศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ เหลือจำคุกคนละ 8 เดือน ทั้งนี้นายสุริยะใส กตะศิลา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็เป็นจำเลยอยู่ด้วย
พรรครวมพลังประชาชาติไทย ขอยกย่องนายสุริยะใส กตะศิลา และจำเลยร่วมทั้ง 6 คน ที่ได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อหลักการแห่งรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหลักนิติรัฐและนิติธรรมของบ้านเมือง อันเป็นผลประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งยังกล้าหาญเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยไม่เคยคิดที่จะหลบหนีแต่อย่างใด พรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงขอแสดงความเห็นใจและเป็นกำลังใจให้แก่นายสุริยะใส กตะศิลา และจำเลยร่วมทั้ง 6 ท่านมา ณ ที่นี้
'สุเทพ-เอนก' เสียดาย 'สุริยะใส' หมดอนาคตการเมือง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กระบุถึงศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 8 เดือน นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออันดับ7 พรรครวมพลังชาติไทย พร้อมแกนนำพันธมิตรฯ รวม 6 คน กรณีบุกทำเนียบรัฐบาลเมื่อปี 2551 ซึ่งจะถูกตัดสิทธิทางการเมืองทันทีนานถึง10ปี
โดยนายสุเทพ ระบุว่ามีความเสียดายคนหนุ่มอนาคตไกลคนนี้ เพราะจากการที่ได้รู้จักและสัมผัสการทำงาน ผมเห็นว่าสุริยะใสเป็นลูกอีสานที่มีเลือดนักสู้อยู่เต็มเปี่ยม นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเป็นเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท. จนออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองขึ้นเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ
จนวันหนึ่งพบว่าสุริยะใส เข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ที่ก่อตั้งพรรคร่วมพลังประชาชาติไทยด้วย ทำให้ยิ่งมั่นใจว่าหลักการที่จะยืนเคียงข้างประชาชน รวมถึงการเลือกที่จะต่อสู้คดีจนถึงที่สุด โดยไม่คิดจะหลบหนีเหมือนนักการเมืองบางคน จึงขอยกเอาคำพูดสุดท้ายของสุริยะใสที่พูดในเช้าวันนี้ว่า “ตำแหน่งจะอยู่กับเราไม่นาน แต่ตำนานจะคงอยู่กับเราตลอดไป”
เช่นเดียวกับ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ระบุว่า สุริยะใส กตะศิลา คือกำลังสำคัญและคือ ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับที่ 7 ของพรรครวมพลังประชาชาติไทยด้วย คุกขังเขาได้แต่กาย แต่กั้นขวางจิตวิญญาณของเขากับเราไม่ได้ แม้จะสูญเสียสิทธิในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษในคุก จะเป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้เราทุกคน เชื่อมั่นว่าสุริยะใส จะมีนวัตกรรมรณรงค์ให้พรรคที่อยู่ภายนอกต่อไป
ที่สำคัญกว่านั้น สุริยะใส ทำให้กระจ่างแล้วว่าพรรคนี้น้อมรับคำพิพากษาของศาลสถิตย์ยุติธรรมโดยสิ้นเชิง ผู้นำพรรคเดินเข้าสู่เรือนจำ ปกป้องหลักนิติธรรมของบ้านเมือง อย่างมั่นคง ในขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร กับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มารับฟังคำพิพากษา หลบหนีออกนอกประเทศ อยู่นอกคุกมานานแล้ว เย้ยหยันต่อหลักนิติธรรมอันเป็นเส้นชีวิตของประชาธิปไตย