โดยเฉพาะตำแหน่งของ พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะต้องขยับขึ้น “พลโท” ตั้งแต่โผโยกย้าย ต.ค.64 แต่กลับ “ตกสำรวจ” ต้องนั่งเก้าอี้เดิมยาวมา 1 ปีครึ่งแล้ว ทำให้มีการคิดแผนหาคนมาเสียบแทน ในโผกลางปี เม.ย. 2565 เพื่อส่งเข้าไลน์ “เส้นทางเหล็ก” แล้วขยับขึ้น แม่ทัพน้อยที่ 1 สู่เก้าอี้ แม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. ในอนาคตนั่นเอง 

แต่ในเบื้องต้นคาดว่า พล.อ.ณรงค์พันธุ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. จะไม่ขยับตำแหน่งหลัก เพื่อป้องกัน “แรงเขย่า” ภายใน ทบ. ที่จะสะเทือนเก้าอี้ ผบ.ทบ. ได้ หรือเรียกว่า “ฟีด” ไปอีก 6 เดือน ก่อนหน้านี้เองก็มีข่าวที่ทำให้เก้าอี้ ผบ.ทบ. ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ สะเทือนไม่น้อย แต่สุดท้ายก็เป็นแค่กระแสข่าวเท่านั้น

ความขับเคี่ยวระหว่าง ตท.27 กับ ตท.28 ใน ทบ. เริ่มเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ สะท้านมาถึง ตท.23 กับ ตท.24 ด้วย ในฐานะ “นักเรียนบังคับบัญชา” ที่เรียนทันกันในยุคนั้น จึงเกิดความเคลื่อนไหวในตำแหน่ง “ระดับหัว” ของ ทบ. โดยเฉพาะเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในอนาคต 

ก่อนหน้านี้มีการมองว่า พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.23) สายทหารเสือฯ ร.21 รอ. จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ที่จะเกษียณฯปี 2566

แต่กลับมีแคนดิเดตคนใหม่ที่ “เบียด” ขึ้นมา นั่นคือ พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.23) สายบูรพาพยัคฆ์ โตมาจาก พล.ร.2 รอ. ที่ในโผโยกย้าย ต.ค. 2565 จะขึ้นสู่ตำแหน่ง 5 เสือ ทบ. ทว่ากลับเกษียณฯพร้อม พล.อ.เจริญชัย 

(พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.23))

(พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.23) )

อีกชื่อที่ต้องจับตา คือ พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 (ตท.24) เติบโตจากสายบูรพาพยัคฆ์ พล.ร.2 รอ. เช่นกัน เกษียณฯปี 2569 ที่มีโอกาสลุ้นเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคตด้วย แต่ก็ต้องไปชิงกับ “บรรดารุ่นน้อง” ตท.25-26 ที่จะต้องเบียดกันอีก

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน ทบ. คืออิทธิฤทธิ์ของ ตท.28 หวังดัน “เพื่อนร่วมรุ่น” แม้ต้องเบียดกับ “รุ่นพี่ ตท.27” ที่คุมกำลัง “ผบ.พล.หลัก” ขณะนี้ โดย ตท.27 ที่มีลุ้นขึ้น “รองแม่ทัพภาคที่ 1” ได้แก่ พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.พล.ร.11 กับ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. ที่เติบโตมาจากสายทหารเสือฯ ที่จะอยู่ในตำแหน่งนี้มา 1 ปีครึ่งแล้ว .

ทั้งนี้ภายใน ตท.28 ก็แบ่งกันเป็น 2 ขั้ว ในการขึ้นชิง “ผบ.พล.หลัก” ในพื้นที่ ทภ.1 ได้แก่ พล.1 รอ. กับ พล.ร.2 รอ. ที่เป็นหน่วยทหารคอแดง และ พล.ร.9 แต่ชื่อที่ถูกโฟกัสในเวลานี้ เช่น พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ ผบ.พล.1 รอ. กับ “2 รอง ผบ.พล” ได้แก่ พ.อ.เสกสรรค์ พรหมศักดิ์ รองผบ.พล.ร.2 รอ. กับ พ.อ.ณัฐเดช จันทรางศุ รอง ผบ.พล.1 รอ. ส่วนอีกชื่อ คือ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.มทบ.11 ที่คาดว่าจะได้คืนถิ่นเดิม ไปขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.9 ในโผโยกย้าย ต.ค.65 

(พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.พล.ร.11 )

(พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ ผบ.พล.1 รอ.)

(พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ.)

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ทราบดีถึง “แรงงัดข้อ” ภายใน ทบ. ที่มีอยู่ 2 สายหลักๆ ที่ไม่ใช่ “สายบูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ” เฉกเช่นในอดีต 

อีกทั้งโผทหาร ต.ค. 2565 ถือเป็นโผทหารนายพลโค้งสุดท้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนจะครบวาระนายกฯ 4 ปี ในปี 2566 และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็จะเกษียณฯจาก ผบ.ทบ. ในปี 2566 ด้วย จึงเป็นช่วง “รอยต่อสำคัญ” ของทั้งเก้าอี้ นายกฯ กับ ผบ.ทบ. ที่ถือเป็นตำแหน่งหลักของ “องคาพยพ” เดียวกันนี้

แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมี “ระยะห่าง” กับ ผบ.เหล่าทัพ ชุดปัจจุบัน เพราะมีรุ่น ตท. ห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งไม่ได้เป็น “น้องเลิฟใกล้ชิด” เฉกเช่นยุค คสช. ก็ตาม

หากดูความขับเคี่ยวของ ตท.27-28 จะพบว่า ทบ. เองมีความพยายามวางตัวบุคคลในอนาคต โดยเฉพาะตำแหน่ง ผบ.ทบ. หากเทียบกับปีที่จะเกษียณฯพบว่าอีกราว 8 ปีเลยทีเดียว เพราะการขยับแต่ละตำแหน่งจึง “สัมพันธ์” กันทั้งหมด ยังไม่นับรวม “เหล่าทัพ” อื่นๆ ที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวเช่นกัน

แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหลักคิดเรื่อง “รุ่น” เรื่อง “เพื่อน” เรื่อง “เหล่า” และเรื่อง “ความไว้วางใจ” ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในคีย์เวิร์ดของคำว่า “ความเหมาะสม” ที่ถูกใช้เป็นเหตุผลประกอบท้ายการพิจารณามาทุกยุคทุกสมัย