ไม่พบผลการค้นหา
'ยุทธพงศ์' เรียกร้อง 'วีระกร' ปธ.กมธ.ขยายสัมปทานทางด่วน - บีทีเอส อย่าปกป้อง 'นพ.ระวี' ปมเปลี่ยนมติ กมธ. ตัด 2 หน่วยงานเข้าชี้แจง กมธ. ชี้หน้าที่ กมธ.เปรียบเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายเคร่งครัด

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) เปิดเผยว่า ตามที่นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ.พิจารณาการขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนและรถไฟฟ้า (บีทีเอส) ได้ระบุถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่าง นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ และเป็น รองประธาน กมธ. และตนเองในประเด็นการแก้ไขมติที่ประชุมและแก้ไขรายงานการประชุมโดยพลการ โดยนายวีระกรบอกว่าเป็นแค่ลำดับขั้นตอนก่อน-หลังในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และชี้แจงจะเป็นเรื่องใหญ่โตถึงขึ้นฟ้องร้องให้ติดคุกติดตะรางกันขนาดนั้น เพราะก็คือเชิญทุกฝ่ายเข้ามาให้ข้อมูลอยู่แล้ว 

ส่วนตัวขอตอบโต้ นายวีระกรว่า นายวีระกร อาจจะไม่แม่นในระเบียบและข้อกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้เป็น ส.ส.มา 10 กว่าปี แต่ตนเองเป็น ส.ส.ต่อเนื่องมาหลายสมัย , เคยเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเคยเป็น ประธาน กมธ.พาณิชย์ มาแล้ว จึงแม่นกฎหมายและระเบียบข้อบังคับการประชุม กมธ. เป็นอย่างดีว่า “การทำหน้าที่ กมธ.ถือว่า เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ” จะต้องปฎิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยข้อเท็จจริง คือ ในการประชุม ครั้งที่ 1 ของคณะ กมธ. ที่ห้องประชุม 401 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) ที่ประชุมมีมติให้เชิญหน่วยงานที่สำคัญจำนวน 5 หน่วย คือ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กทพ. ประธานบอร์ด กทพ. ผู้ว่าฯ กทพ. บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีอีเอ็ม และที่ปรึกษาโครงการฯ จาก ม.ธรรมศาสตร์ มาชี้แจงในวันที่ 23 ก.ค.

ต่อมา นพ.ระวีและพวกร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงมติที่ประชุม โดยพลการตามหนังสือด่วนที่สุดที่ สผ.0017.04/74 ลงวันที่ 18 ก.ค. 2562 ได้ไปเปลี่ยนแปลงดังนี้ คือ เป่าทิ้งไป 2 หน่วยงานฯ และ แก้ไขใหม่เป็นประชุมฯ 2 วัน คือ วันที่ 23 ก.ค. เชิญสหภาพรัฐวิสาหกิจ กทพ. และวันที่ 24 ก.ค. เชิญประธานบอร์ดฯ กทพ. และผู้ว่าฯ กทพ. โดยปัญหาข้อกฎหมายคือเปลี่ยนแปลงมติที่ประชุมโดยไม่ชอบ เปลี่ยนวันประชุม โดยเป่าทิ้ง 2 หน่วยงานคือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด หรือบีอีเอ็ม และที่ปรึกษาโครงการฯ จาก ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่ง นพ.ระวีกล่าวหาว่ากำลังจะรวยเป็นแสนล้าน จากการต่อสัมปทานครั้งนี้ แต่กลับเอาออกไม่เรียกมาสอบสวนข้อเท็จจริง ทำให้กระทบต่อความน่าเชื่อถือความโปร่งใสของการทำงานของคณะ กมธ.วิสามัญ ตนขอเรียกร้องให้นายวีระกร ทำงานอย่างตรงไปตรงมาอย่าปกป้อง นพ.ระวี เพราะเป็นเพื่อนสมัยเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยด้วยกัน แต่ให้เอาผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติมาก่อน