สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการมาตรวจเยี่ยมกระทรวงการคลังวันนี้ (4 ธ.ค. 2563) ว่า ประมาณการเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าขยายตัวได้ 4% ในปี 2564 ยังไม่ได้รวมกรณีที่มีการระบาดโควิด-19 รอบ 2 ซึ่งหากมีการล็อกดาวน์อีกรอบ ต้องมาคุยกันใหม่ อย่ามาคิดว่าต้องเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเดียว เป็นหน้าที่ของคนไทยที่ต้องช่วยดูแลและเฝ้าระวังร่วมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะความบกพร่องของรัฐ ถ้าทุกคนใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง กักตัวตามมาตรการเชื่อว่าไม่มีปัญหา รัฐบาลคงไม่สามารถไปฝังชิปตรวจจับความร้อนร่างกายทุกคนได้ ต้องกลับไปถามตัวเองด้วยว่าระบาดเพราะใคร
ส่วนกรณีที่พบผู้ติดเชื้อในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น เชียงราย เชียงใหม่ ทำให้มีการยกเลิกห้องพักนั้น เบื้องต้นยังไม่ได้มีมาตรการที่จะนำออกมาช่วยเหลือเพิ่เติม ซึ่งที่ผ่านมาได้ช่วยมามากแล้ว
“ทำไมคนต้องกลัว และยกเลิกห้องพัก เพียงเพราะพบว่าติดเชื้อแค่คนสองคน ขอให้ช่วยกันไปเที่ยว ถึงจะยกเลิกโรงแรมก็ได้เงินอยู่แล้วถ้าใช้สิทธิผ่านมาตรการเราเที่ยวด้วยกัน” สุพัฒนพงษ์ กล่าว
ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวติดลบน้อยลงเหลือลบ 6-7% จากเดิมที่มีการคาดกันว่าจะติดลบสูงถึง 9-10% ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้เป็นอัตราการติดลบที่แย่ที่สุดในประเทศอาเซียน มีประเทศอื่นในอาเซียนที่เศรษฐกิจขยายตัวติดลบมากกว่าประเทศไทย
นอกจากนี้บริษัทจัดอันดับเครดิต ยังคงเครดิตของประเทศไทยไว้เท่าเดิมที่ระดับน่าลงทุน และมุมมองอย่างแบบมีเสถียรภาพเหมือนเดิมเช่นกัน โดยเศรษฐกิจปี 2564 ยังเป็นปีที่ท้าทายของเศรษฐกิจประเทศไทย ที่ต้องดำเนินการ 2 สิ่งไปพร้อมกัน ประกอบด้วย
1.ทำการประคับประคองเศรษฐกิจปี 2564 ให้โตได้ตามเป้าหมาย 3.5-4% หากสามารถทำได้ จะทำให้เศรษฐกิจกับมาขยายตัวเหมือนปี 2562 ก่อนมีโควิด-19 ภายใน 12-18 เดือน
2. ต้องเร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ 7 ด้านอุตสาหกรรมใหม่ และ 5 อุตสาหกรรมเดิม ให้เป็นที่ทำการภูมิภาคของบริษัทต่างประเทศ