ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทยและรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ หรือ กมธ. ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 แถลงข่าว การซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีน ไม่มีสัญญาผูกพันหรือไม่ห้ามการเลื่อนการจัดซื้อเพิ่มเติม และไม่ใช่ 'จีทูจี' พร้อมแสดงเอกสารการจ่ายเงินประกอบการแถลง

ยุทธพงศ์ กล่าวว่า หากผู้มีอำนาจดึงดันว่า การซื้อเรือดำน้ำจากจีนเป็นแบบ 'จีทูจี' ก็ทำผิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ทั้งตามรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ ซึ่งรัฐบาลดูแลเรื่องโควิด-​19 การเฝ้าระวังและการเยียวยา ยังไม่ครอบคลุมและเพียงพอ จึงควรนำงบประมาณไปใช้ในส่วนนี้มากกว่า, มาตรา 62 ว่าด้วย การรักษาเสถียรภาพการเงินการคลัง, และจัดกับมาตรา 75 เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง 

ยุทธพงศ์ ระบุด้วยว่า เรือดำน้ำลำเเรก ซื้อเมื่อเดือน พ.ค. 2560 ทางการไทยจ่ายเงินแล้วหลายงวด แต่จ่ายให้บริษัทเอกชนในจีนแห่งหนึ่ง ไม่ได้โอนเงินหรือจ่ายให้หน่วยงานรัฐหรือไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากทางการจีน จึงไม่เป็น 'จีทูจี' และหากเป็น 'จีทูจี' ในส่วนประเทศไทยนั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน 60 วันตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่เคยปรากฎ จึงขอเรียกร้องไปยังพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาชี้แจงว่ามีเอกสารยืนยัน 'จีทูจี' ทุกอย่างนั้น ขอให้นำหนังสือมอบอำนาจและสัญญาซื้อขายแบบ 'จีทูจี' ของทางการไทยออกมาแสดงต่อสาธารณะด้วย

ยุทธพงศ์ แสดงความกังวลว่า หากยังสรุปเรื่องเรือดำน้ำอีก 2 ลำไม่ได้ จะกระทบกับการพิจารณางบฯปี 64 เพราะสภาฯ รับหนังสือเกี่ยวกับการพิจารณางบฯปี 2564 มาวันที่ 16 มิ.ย. และ อนุ กมธ.คุรุภัณฑ์ สรุปรายงานการพิจารณาแล้วแต่ยังไม่บรรจุวาระการประชุมใน กมธ.ชุดใหญ่ เพราะมีการดึงเกม บ่ายเบี่ยง และเลื่อนการประชุมหลายครั้ง ซึ่งหากครบ 105 วัน กมธ.งบฯ 2564 พิจารณาไม่เสร็จก็จะต้องประกาศใช้ไปเลย ขณะที่สภาฯ นัดประชุมวาระ 2 และ 3 วันที่ 16-17 ก.ย. ส่วน ส.ว.นัดประชุมวันที่ 21-22 ก.ย. แต่เมื่อดูไทม์ไลน์แล้วกลัวว่าจะไม่ทัน เนื่องจากต้องสรุปและจะทำเอกสารเพื่อให้ ส.ส.ใช้ประกอบการอภิปรายด้วย จึงต้องจับตาการประชุมพรุ่งนี้ที่ 31 กันยายนด้วย พร้อมยืนยันว่า ตนจะคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำให้ถึงที่สุด